CANON EOS 400 D กล้อง D-SLR พร้อมเลนส์ KIT 18-55 ความละเอียด 10.0 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส 9 จุด ถ่ายภาพต่อเนื่อง Picture Style ปรับสีภาพได้หลากหลาย จอ LCD 2.5 นิ้ว พร้อมระบบกำจัดฝุ่นที่เซ็นเซอร์ กล้องสภาพดี ใช้งานได้ปกติ มีกระเป๋า พร้อมอุปกรณ์ สายต่อพ่วง.

หน้าแรก » กล้อง และ อุปกรณ์ถ่ายภาพ » กล้องดิจิตอล

CANON EOS 400 D กล้อง D-SLR พร้อมเลนส์ KIT 18-55 ความละเอียด 10.0 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส 9 จุด ถ่ายภาพต่อเนื่อง Picture Style ปรับสีภาพได้หลากหลาย จอ LCD 2.5 นิ้ว พร้อมระบบกำจัดฝุ่นที่เซ็นเซอร์ กล้องสภาพดี ใช้งานได้ปกติ มีกระเป๋า พร้อมอุปกรณ์ สายต่อพ่วง.

แบ่งปันให้เพื่อน



ขายกล้อง CANON 400 D สภาพดี ไม่มีเสีย พร้อม
เลนส์ CANON 18-55 มีกระเป๋าใส่กล้อง ที่ชาร์ด สาย
ต่อพ่วง สาย USB และ MEMORY ครบ
เครื่อง อดีตประกันศุนย์ ไม่ใช่ KISS X ที่มีราคาถูกกว่า

มาชมและทดสอบการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อได้เลย
ของราคาถูกกว่านี้มีครับ แต่สภาพและอุปกรณ์ มีให้
ครบหรือเปล่า รับรองสภาพไม่ได้ใช้งานหนักแน่นอน

ขายกล้อง DIGITAL CANON EOS 400 D กล้องระดับมืออาชีพ ที่มีความละเอียดสูง 10.1
ล้านพิกเซล จอ LCD รุ่นใหม่ขนาดใหญ่ 2.5 นิ้ว ถอดเปลี่ยนเลนส์ CANON ได้หลากหลายรุ่น
หรือจะใช้เลนส์ อิสระอย่าง SIGMA TAMRON TOKINA ก็นำมาใช้ได้เต็ม 100 ไม่มีปัญหาใด ๆ
กล้อง 400 D ตัวนี้ มีเลนส์ KIT 18-55 ติดมาให้พร้อม กระเป๋าใส่กล่อง และอุปกรณ์พร้อมใช้

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
-----------------------------------------------------------------------------------------------------รายละเอียดของกล้อง DIGITAL CANON 400 D
ขอขอบคุณบทความจากนิตยสาร
นิตยสาร PhotoTech ปีที่ 15 ฉบับที่ 154 : กันยายน 2459

หลังจากการเปิดฉากรุกกับตลาดกล้อง DSLR ของโซนี่ ที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกล้องในกลุ่มสมัครเล่นโดยการขยับความละเอียดของภาพให้สูงขึ้นเป็น 10 ล้านพิกเซลเป็นจ้าวแรก จึงเท่ากับเป็นการก่อเกิดคำถามว่า "แล้วบรรดายักษ์ใหญ่ของวงการทั้งหลาย จะทำอย่างไรต่อไป?" คำตอบคงเป็นอย่างที่ท่านผู้อ่านทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าการตอบโต้กลับคืนยักษ์ใหญ่เป็นอย่างไร โดยนิคอนได้เปิดตัว D80 ความละเอียด 10.2 ล้านพิกเซล ที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกับ D200 ซึ่งเป็นกล้องในระดับกลางสูงมาก และต่อมาแคนนอนก็ได้เปิดตัว EOS 400D ที่มีความละเอียด 10.1 ล้านพิกเซลออกมาบ้าง พร้อมด้วยฟังก์ชั่นจำกัดฝุ่นแบบ 3 ชั้น นั่นเท่ากับว่าศึกสงครามของกล้อง DSLR ระดับสมัครเล่นเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์ แต่ทว่ายังไม่หยุดนิ่งเพียงเท่านี้ เพราะยังมีเพ็นแท็กซ์ที่เปิดตัว K100 และโอลิมปัสกับ E-400 อีกด้วยจนดูเหมือนว่าการแข่งขันของตลาดกล้อง DSLR กลุ่มนี้ จะเดือดปุดๆแน่นอน

แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องราวตรงจุดนั้น โฟโต้เทคได้รับกล้องแคนนอน EOS 400 ทันทีที่เปิดตัวในบ้านเรา ซึ่งใครๆก็คาดว่าเจ้า EOS 400D จะมาทดแทน EOS 350D ที่ทำตลาดมานานกว่าหนึ่งปีแล้วแต่คำตอบของทาางแคนนอนเองนั้นคือ ไม่ใช่ โดยที่ EOS 350D ก็ยังมีการผลิตอยู่ต่อไป นัยว่าการเปิดไลน์การผลิตใหม่ของแคนนอนนั่นเอง

High Performance 10.1 Megapixel CMOS Sensor

สิ่งที่ทำให้แคนนอนมีความได้เปรียบ ก็คือการที่แคนนอนสามารถที่จะผลิตเซ็นเซอร์รับภาพได้เอง เซ็นเซอร์ CMOS ที่ใช้ใน EOS 400D เป็นเซ็นเซอร์รับภาพรุ่นใหม่ขนาด ASP-C 22.2x14.8 มม. ที่ให้ความละเอียดของภาพสูงถึง 10.1 ล้านพิกเซล (3,904x2598 พิกเซล) โดยออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูง ทั้งในเรื่องของไดนามิคเร้นจ์ที่กว้าง เพื่อให้สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ดี ทั้งในส่วนมืดและส่วนสว่างในเวลาเดียวกัน และเรื่องของความไวแสงที่จะมีให้เลือกใช้ตั้งแต่ ISO 100-1600 โดยมีสัญญาณรบกวนในภาพ (Noise) น้อยแม้จะใช้ที่ความไวแสงสูงและใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ด้วยการใช้ชุดชิปสำหรับลดสัญญาณรบกวนบนตัวเซ็นเซอร์ CMOS (on-chip noise reduction circuity) ทั้งนี้เพื่อให้ภาพถ่ายมีคุณภาพสูงสุด

DIGIC II Processor
ระบบประมวลผลอันเลื่องชื่อของแคนนอนยังถูกนำมาติดตั้งใน EOS 400D เหมือนในกล้องรุ่นก่อนหน้า แต่ได้ถูกปรับแต่เพื่อให้เข้ากับเซ็นเซอร์ภาพที่ให้ความละเอียดสูงในรุ่นใหม่นี้ด้วย เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์สอดคล้องกันทำให้การทำงานของกล้องมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้เวลาในการเปิดกล้องจนพร้อมถ่ายภาพเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น และยังมีความเร็วในการบันทึกภาพต่อเนื่อง 3 ภาพ/วินาที ติดต่อกันถึง 27 ภาพ (JPEG Large/Fine) และให้ภาพที่มีสีสันสมจริงมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม และความคมชัดสูง

Superb 3-Layer Optical Low-
pass Filter
อีกหนึ่งเทคโนโลยีขั้นสูงที่แคนนอนนำมาใส่ไว้ใน EOS 400D โดยใช้ฟิลเตอร์โลว์พาสแบบ 3 ชั้น วางไว้หน้าเซ็นเซอร์รับภาพ CMOS ผลคือ ทำให้ภาพถ่ายที่ได้นั้น มีความผิดพลาดของสีและความคลาดเคลื่อนของสีน้อยลง (Fasle color & Moire) น้อยลง และอาการเหลื่อมของสีม่วงด้วย รวมทั้งยังมีฟิลเตอร์ตัดแสงอินฟาเรด เพื่อไม่ให้ภาพถ่ายอมแดง อันเนื่องมาจากสังสีอินฟาเรดนั่นเอง
EOS Integrated Cleaning System (EICS)

ฝุ่นคือปัญหาหลักอย่างหนึ่งของผู้ใช้กล้อง DSLR โดยเฉพาะเมื่อต้องเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ ในสถานที่ที่มีฝุ่นมาก ซึ่งจะทำให้เกิดรอยด่างเป็นจุดดำๆบนภาพถ่าย การแก้ไขนั้นอาจทำได้ด้วยการลบจากในโปรแกรมตกแต่งภาพ แต่กับภาพจำนวนมากๆ อาจไม่สนุกเท่าใดนัก แคนนอนจึงได้นำเทคโนโลยีการกำจัดฝุ่นมาใช้ ด้วยการออกแบบให้กล้องมีชิ้นส่วนที่เรียกว่า Piezoelectric ซึ่งจะทำหน้าที่สั่นสะเทือนที่ชั้นฟิลเตอร์โลว์พาสชั้นแรก ด้วยความเร็วสูงระดับอุลตร้าโซนิค ทำให้ฝุ่นที่เกาะอยู่นั้นหลุดออกไป โดยการทำงานด้วยการสั่นสะเทือนนี้ จะทำทั้งในตอนที่เปิดและปิดสวิทซ์การทำงานกล้องโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งเองได้ขณะถ่ายภาพอยู่ก็ได้ ด้วยเวลาเพียงสั้นๆ ซึ่งจะแสดงผลด้วยไอคอนบนหน้าจอ LCD ให้เห็นชัดเจน

แต่ถ้าหากฝุ่นที่เกาะอยู่นั้น เกาะแน่นมากจนการสั่นสะเทือนโลว์พาสไม่สามารถทำให้หลุดได้ แคนนอนยังมีระบบกำจัดฝุ่นด้วยซอฟท์แวร์อีกด้วยที่ชื่อว่า Dust Delete Function โดยทันทีที่บันทึกภาพ กล้องจะเก็บข้อมูลไว้ว่าจุดใดที่เป็นจุดของฝุ่น และเมื่อเปิดภาพด้วยซอฟท์แวร์ Digital Photo Professional 2.2 ที่แถมมาให้ในกล่อง โปรแกรมก็จะทำการค้นหาและลบจุดของฝุ่นออกให้ โดยไม่จำเป็นต้องรีทีชลบฝุ่นเองในภายหลัง ซึ่ง Dust Delete Function นี้ ใช้ได้กับทั้งไฟล์ RAW และ JPEG

High-Precision 9 Point AF System
เพื่อทำให้ระบบโฟกัสภาพมีความแม่นยำ รวดเร็ว ถูกต้องมากยิ่งขึ้น แคนนอนจึงบรรจุระบบโฟกัสที่มีประสิทธิภาพสูง และเพิ่มกรอบโฟกัสมากขึ้นเป็น 9 จุด (ใน 350D มี 7 จุด) เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในภาพอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ที่จุดโฟกัสกลางภาพ ยังมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อใช้กับเลนส์ที่มีความสว่างสูงตั้งแต่ f/2.8 หรือกว้างกว่า โดยการทำงานแบบกากบาทจึงโฟกัสได้เร็วและมีความแม่นยำสูง ซึ่งระบบโฟกัสของ 400D มีช่วงการทำงานตั้งแต่ EV -0.5 ถึง EV18

Picture Style
ระบบ Digital Film ของแคนนอนที่มีในกล้องระดับสูงอย่าง EOS-1D Mark II N,5D และ 30D แสดงให้เห็นแล้วว่ามีประโยชน์ในการใช้งานมากและเข้าใจได้ง่าย แคนนอนจึงนำมาใส่ใน 400D ด้วยเช่นกัน โดยมีให้เลือก 6 แบบ คือ Standard, Portrait, Landscape, Neutral, Faithful และ Monochrom หรือตั้งค่าเองได้อีก 3 ช่อง นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดเพิ่มได้จากในเว็ปไซต์ของแคนนอนเอง

การออกแบบ: เมื่อเพ่งพินิจถึงรูปโฉมโนมพรรณของ EOS 400D จากในอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกว่ามันเล็กกว่า 350D หรือเปล่าเนี่ย? แต่หน้าตานั้นเหมือนกันอย่างกับแกะเมื่อมองจากด้านหน้า หากไม่มีแผ่นป้ายบอกชื่อรุ่นทางมุมล่างขวา คงบอกได้ยากเช่นกันว่ามันคือ 400D หรือ 350D อีกจุดหนึ่งที่เห็นความแตกต่างเมื่อมองจากด้านหน้าคือปุ่มกดชัตเตอร์เปลี่ยนมาใช้สีดำมัน แทนปุ่มกดสีเงินวาวอย่างใน 350D
โดยรวมแล้วการออกแบบภายนอก ทั้งทางด้านหน้า ด้านบน ด้านซ้าย และด้านขวา แทบไม่มีความแตกต่างก็ว่าได้ ส่วนด้านหลังนั้นเป็นจุดที่มีความเปลี่ยนแปลงจาก 350D มากที่สุด คือใช้จอ LCD ขนาดใหญ่ขึ้นเป็นขึ้นเป็น 2.5 นิ้ว และมีความละเอียดของหน้าจอ 230,000 พิกเซล ทำให้การปรับตั้งระบบต่างๆในเมนู การดูแลข้อมูลการถ่ายภาพ หรือการดูภาพที่ถ่ายไปแล้วนั้น สามารถมองเห็นได้อย่างเต็มตา ชัดเจน และแสดงภาพได้คมกริบ จอจะดูอุ่นเล็กน้อย ทำให้ดูแล้วสบายตามาก รวมทั้งการแสดงข้อมูลการถ่ายภาพทำได้ครบถ้วนและแสดงผลตลอดเวลา แต่สามารถเปิดได้ด้วยการกดปุ่ม DISP. ทางด้านซ้าย หรือกล้องจะปิดให้โดยอัตโนมัติ เมื่อมีสิ่งใดมาบังเซ็นเซอร์ที่วางไว้ใต้ช่องมองภาพ

นอกเหนือจากจอ LCD แล้ว การวางปุ่มปรับยังมีการเปลี่ยนตำแหน่งต่างไปเล็กน้อย โดยปุ่มทางด้านซ้ายยังมี 5 ปุ่มเช่นเคย แต่ตัดปุ่ม INFO ออก แล้วใส่ปุ่ม DISP. เข้ามาทดแทนในตำแหน่งบนสุดแล้วย้ายปุ่มปริ้นท์ภาพหรือโอนภาพไปวางไว้ทางมุมซ้ายมือด้วย และเพิ่มหน้าที่ของปุ่ม SET กลางปุ่มสี่ทิศทาง ให้เป็นปุ่มครอสคีย์อีกปุ่มหนึ่ง เพื่อใช้เลือกปรับตั้งตามฟังก์ชั่นที่ตั้งไว้ในเมนู แต่ตามที่ตั้งมาจากโรงงาน จะเป็นปุ่มสำหรับเลือก Picture Style ส่วนปุ่มอื่นๆยังทำหน้าที่เหมือนกับ 350D จึงขออนุญาตข้ามในส่วนตรงนี้ไปนะครับ

ผลการใช้งาน : ผมได้รับกล้อง EOS 400D มาพร้อมกับเลนส์ชุดคิท EF-S 18-55 มม. f/3.5-5.6 USM และเลนส์โปรในอนุกรม EF-S อีกรุ่นหนึ่งคือ EF-S 17-55 มม. f/2.8 IS USM ผมจึงเลือกใช้เลนส์โปรติดกับกล้องโดยตลอด เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงคุณภาพอย่างเต็มที่ของตัวกล้อง ดังนั้นการรายงานผลจะยึดจากการใช้งานกับเลนส์ตัวนี้เป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ยังได้ใช้ร่วมกับเลนส์ทางยาวโฟกัสเดียวอย่าง EF-S 60 มม. f/2.8 Macro USM ด้วย โดยบันทึกทั้งแบบไฟล์ RAW และ JPEG FINE เปิดภาพและแปลงไฟล์ด้วยคอมพิวเตอร์ eMac กับโปรแกรม Digital Photo Professional ที่แถมมากับตัวกล้อง

ด้วยความที่ 400D เป็นกล้องที่มีขนาดเล็กและเบา แต่ทว่าโครงสร้างบอดี้นั้นแน่นขึ้น ทำให้ความรู้สึกในการจับถือดีกว่า 350D พอควร เมื่อติดเข้ากับเลนส์โปรอย่าง EF-S 17-55 มม.แล้ว ความสมดุลในการจับถือไม่ดีเท่าใดนัก เพราะจะถ่วงไปทางด้านหน้ามากสักหน่อย ใช้กับเลนส์ขนาดเล็กจะให้สมดุลที่ดีกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของกล้องระดับนี้ในท้องตลาดทุกรุ่น แม้เต่จะใช้กับเลนส์ระดับนี้ การคอนโทรลปุ่มปรับทั้งหลายยังถือว่าทำได้ดี เพราะการจัดวางตำแหน่งของปุ่มที่จำเป็นทั้งหมดอยู่ในจุดที่เหมาะสม จึงทำให้กดใช้งานได้ง่ายโดยที่แทบไม่ต้องละสายตามามองเลย การเพิ่มฟังก์ชั่น Picture Style เข้าไปในปุ่ม SET โดยไม่แยกออกมาต่างหากนั้น ไม่เป็นปัญหาที่จะสร้างความสับสนแต่อย่างใด

ระบบโฟกัสของกล้องรุ่นนี้ดีกว่า 350D อยู่นิดหน่อยครับ การใช้ร่วมกับเลนส์คิทที่มีความสว่างของเลนส์ไม่มากนัก ยังทำได้รวดเร็วและแม่นยำ ออกอาการวืดวาดกับภาพที่คอนทราสต์ต่ำมากๆ หรือแสงน้อยเท่านั้น ส่วนเมื่อใช้กับเลนส์ 17-55 มม. ซึ่งเป็นเลนส์โปร การโฟกัสจะออกตัวได้เร็ว แทรคเข้าหาจุดโฟกัสได้แม่นยำและล็อกโฟกัสได้ในทันที ออกอาการวืดวาดน้อยกว่ามาก รวมทั้งอาการชิฟท์โฟกัสน้อยกว่า 350D อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะใช้กับเลนส์อิสระรุ่นเก่าหรือกับเลนส์แคนนอนรุ่นเก่าๆก็ตาม
ระบบวัดแสงแบบ Evaluative ที่ใช้เป็นหลัก ให้ผลที่แม่นยำเช่นเดิม แม้ว่าจะใช้ในสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างของแสงค่อนข้างมากก็ตาม โดยรวมทั้งหมดมีความถูกต้อง มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่วัดแสงผิดพลาด ซึ่งส่วนมากก็เป็นภาพที่มีส่วนสว่างหรือส่วนมืดเป็นหลักในภาพ ที่ถือเป็นเรื่องปกติของกล้องทุกตัว

ด้านคุณภาพนั้นให้ผลอยู่ในระดับที่ดีจนน่าพอใจครับ ความคมชัดของกล้องรุ่นนี้เมื่อใช้กับเลนส์คิท จัดว่าไม่แตกต่างกับ 350D มากนักที่บริเวณกลางภาพ แต่ที่ขอบภาพทำได้ดีกว่า 350D อยู่เล็กน้อยเมื่อเปิดรูรับแสงกว้างสุด เมื่อหรี่มาที่รูรับแสงกลางๆ จะให้ผลดีขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งต้องนับว่าทำได้ดีกว่า 350D เมื่อคำนึงถึงว่าเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงกว่า

เมื่อใช้กับ EF-S 17-55 มม. ความคมชัดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ ภาพแสดงความคมชัด ในระดับดีมากตั้งแต่รูรับแสงกว้างสุดเลยทีเดียว โดยเฉพาะที่กลางภาพ และดรอปลงนิดหน่อยที่ขอบภาพ แต่ช่วงที่ไวด์ 17 มม. จะดรอปลงกว่าช่วงอื่นๆนิดหน่อย โดยเฉพาะที่ขอบภาพจะลดลงแบบสังเกตุได้ ซึ่งเมื่อหรี่รูรับแสงลงมาที่ค่ากลางๆ จะให้ความคมชัดที่ดีขึ้นชัดเจน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นกริบดังที่คาดหวังจากเลนส์เกรดโปร

การถ่ายทอดสีสันของ 400D ทำได้ดีน่าพอในมากๆ ผมลองบันทึกภาพเป็นไฟล์ JPEG โดยใช้ Picture Style แบบ Standard พบว่าให้สีสันที่ดูสดใสกว่าความเป็นจริงอยู่เล็กน้อย แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติและความนุ่มนวลของสีสูง ความอิ่มตัวของสีไม่จัดจ้านจนเกินไป แต่คอนทราสต์ค่อนข้างสูง เหมาะกับการถ่ายภาพเสร็จแล้วนำไปปริ้นท์ภาพทันที ส่วนกับการถ่ายภาพออกมาเป็น RAW สามารถปรับเปลี่ยนในซอร์ฟแวร์ของแคนนอนได้เองในภายหลัง ระบบไวท์บาลานซ์แบบออโต้ยังให้ผลที่เหมือนกับ 350D คือกับสภาพแสงทั่วๆไปนั้นให้ผลที่น่าพอใจมาก อาการผิดเพี้ยนอมฟ้าอมแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นตามสภาพแสงที่ถ่ายแต่ก็น้อยมากจนไม่เป็นผลเสียกับภาพ น่าเสียดายที่แคนนอนไม่ได้บรรจุไวท์บาลานซ์แบบตั้งองศาเองได้มาให้ แต่การใช้ไวท์บาลานซ์ตามสภาพแสงร่วมกับระบบ Fine tune ก็จะให้ผลที่แม่นยำมากยิ่งขี้น

ปริมาณสัญญาณรบกวนหรือ Noise นั้น อยู่ในระดับมาตรฐานครับ คือที่ ISO 100-400 ให้ภาพที่ใสเคลียร์เมื่อใช้ในสภาพแสงดี แทบไม่ปรากฏให้เห็นเลย ส่วนที่ ISO 800-1600 จะพบได้มากขึ้นและชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในระบที่น้อยมากอยู่ดี แต่เมื่อใช้กับสภาพแสงน้อย ภาพจะยังใสเครียร์เมื่อใช้ที่ ISO 100 และ 200 แม้จะใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่า 1 วินาทีไปมากก็ตาม ที่ ISO 400 จะพบเจอได้มากขึ้นในส่วนของชาโดว์ และประปรายในส่วนไฮไลต์ ที่ ISO 800 และ 1600 จะพบได้ชัดเจนทั่วทั้งภาพ โดยเฉพาะที่ ISO 1600 จะมีค่อนข้างมาก แต่ทว่าความคมชัดในภาพนั้นกลับลดลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งผิดกับกล้องรุ่นก่อนหน้าอย่าง 350D ที่ความคมชัดจะลดลงไปพอสมควรเมื่อใช้ความไวแสงสูง ทั้งนี้เป็นผลจากการใช้ฟิลเตอร์โลว์พาสแบบ 3 ชั้น ที่ทำให้ Noise น้อยลงโดยอัตโนมัติ โดยที่ความคมชัดลดลงน้อยที่สุดเช่นกัน สรุปในด้านนี้คือดีกว่า 350D เล็กน้อยแต่ก็ยังด้อยกว่า 30D อยู่พอสมควร

ความคิดเห็น : EOS 400D เป็นกล้องระดับสมัครเล่นความละเอียดสูงถึง 10 ล้านพิกเซล ขณะที่ราคาจำหน่ายเปิดตัวพร้อมกับเลนส์คิทเพียง 39,900 บาท อีกทั้งระบบการทำงานยังมีให้แบบครบครันและมากเพียงพอ มีระบบกำจัดฝุ่นที่ทำให้มีความสบายใจมากขึ้นเมื่อต้องถอดเปลี่ยนเลนส์ในที่ที่มีฝุ่นเยอะ จอ LCD ขนาดใหญ่ที่เห็นภาพได้ชัดเจน มี Picture Style ให้ได้ และให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่า 350D ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนทำให้กล้องรุ่นนี้มีความน่าใช้ แต่หากจะอัพเกรดจาก 350D เดิมที่คุณมีอยู่ละก็ แนะนำให้มองรุ่นที่สูงกว่าอย่าง EOS 30D จะเหมาะกว่า แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหากล้อง DSLR เป็นตัวแรก หรือใช้เป็นบอดี้สำรอง ...EOS 400D เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากครับ


 


ราคา: 9,300 ต้องการ: ขาย/ให้เช่า/แลก
ติดต่อ: Wiewอีเมล์: 
สภาพ: มือสอง จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โทรศัพย์: 0890111478IP Address: 124.120.222.113

คำค้น: 



ดูสินค้าอื่นๆ | ลงประกาศ | เลื่อนประกาศขึ้น | ลบประกาศ | แก้ไขประกาศ

[ รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน ทั่วประเทศ กู้เงินง่าย ได้เงินไว ไม่เช็คแบล็คลิส ]





ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)

รูป   รายละเอียด ราคา
  999,999 บาท
  9,999 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  คุยกัน
  34,000 บาท
  999,999 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  9,999 บาท
 
  88,888 บาท
 
  9,999 บาท
  9,999 บาท
  0-88888
  ราคาพิเศษลด 8% จากศูนย์
  88,990
  เสนอมาคับ
  15,900