AHA 15% Gel สูตร AHA Balanced *ใสได้ง่ายๆ* เทคโนโลยีขาวใสแบบ Hi-Speed ให้ประสิทธิภาพสูงสุดแต่ระคายเคืองต่ำ AHA ชนิดที่ดีที่สุด เผยผิวขาวใสในทันตา

AHA 15% Gel ชนิดระคายเคืองต่ำ


ขนาด 10 ml 150 บาท (VIP 130) * ไม่ร่วมโปรฯ Back to 2-beauty *

เจลปรับสภาพผิวขาวและป้องกันริ้วรอยจากกรดผลไม้ชนิดพิเศษ ช่วยทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง ริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพียงทาทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

AHA 15% Gel ช่วยกระตุ้นให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิวชั้นบน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้จากภายใน ผิวภายนอกจึงดูเรียบเนียน และริ้วรอยลดลง

Glycolic Acid เป็น AHA ชนิดที่ดีที่สุด ด้วยอนุภาคขนาดเล็กทำให้การผลัดเซลล์เป็นไปอย่างล้ำลึกและอ่อนโยน ช่วยลดสิวอุดตัน รอยด่างดำ และริ้วรอยได้เป็นอย่างดี เห็นผลเร็ว

ความแตกต่าง
- AHA 15% Gel ของ 2-beauty นั้นเป็น Glycolic Acid ที่สกัดจากอ้อย สับปะรด ซึ่งมาจากพืชธรรมชาติ 100% ไม่ใช่สารสังเคราะห์ จึงปลอดภัยและให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
- เป็นสูตร AHA Balanced เจลสูตรอ่อนโยนพิเศษ ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองผิว หรือทำให้เกิดอาการผิวไหม้ แต่ให้ประสิทธิภาพของ AHA สูงสุด ในกรณีที่ใช้ที่ความเข้มข้นต่ำคือ 8, 10, 15% สามารถทาบนผิวหน้า ได้โดยไม่ต้องล้างออก

Glycolic Acid เป็น AHA ที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก คือมีคาร์บอนอะตอมน้อย สามารถซึมผ่านผิวได้ดี ดังนั้น Glycolic acid จึงสามารถออกฤทธิ์ได้ดีกว่า AHA จากผลไม้ชนิดอื่น

ทำไมกรดผลไม้ (AHA)จึงช่วยให้ผิวสวย

1. AHA จะทำให้เซลล์ผิวหนังกำพร้าชั้นบน ที่เป็นเซลล์ที่ตายแล้ว ซึ่งก็คือ ขี้ไคล มีการหลุดลอกออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งโดยปกติการหลุดลอกของผิวนี้ จะมีการพอกพูนหนาขึ้น และลอกออกยากขึ้นตามอายุ และทำให้ผิวดูหยาบกร้าน ดังนั้นผลของ AHA ต่อผิวหนังชั้นบนนี้ จะทำให้ผิวหนังส่วนนี้หลุดลอกง่ายขึ้น ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสมากขึ้น

2. AHA จะช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนังจาก Basal cells ซึ่งเป็นเซลล์ใต้ผิวหนัง ให้มีการเร่งการสร้างผิวใหม่ทดแทนผิวเก่า ที่หลุดลอกออก ทำให้มีการสร้างผิวใหม่ขึ้นมา และผิวมีสุขภาพดีขึ้น

3. AHA จะกระตุ้นเซลล์หนังแท้ ให้มีการสร้าง คอลลาเจนไฟเบอร์ (Collagen fibers), อีลาสติคไฟเบอร์ (Elastic fibers), Mucopolysaccharide ซึ่งเป็นองค์ประกอบของหนังแท้ โดยปกติเมื่ออายุมากขึ้น ชั้นผิวหนังจะบางลง และทำให้ผิวมีการยุบตัว หย่อนยาน มีริ้วรอยย่น ดังนั้นเมื่อใช้ AHA ก็จะช่วยให้มีการสร้างผิวให้หนาขึ้น ลดรอยย่นและริ้วรอยต่างๆ ได้

4. AHA ที่ใช้ในความเข้มข้นสูง จะทำให้ชั้นหนังกำพร้าแยกตัวออกจากหนังแท้ ซึ่งนำไปใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิด เช่น กระเนื้อ, หูด เป็นต้น

5. AHA เชื่อว่าสามารถทำให้ยาอื่น ออกฤทธิ์ต่อผิวหนังได้ดีขึ้น โดยทำให้ยาสามารถดูดซึมเข้าผิวหนังได้ดีขึ้น เราจึงพบ AHA ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์รักษา สิว, กระ, ฝ้า, รอยด่างดำ, แผลเป็น ฯลฯ

มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา โดยแพทย์ผิวหนังใช้กรด AHA ความเข้มข้นร้อยละ 12 ทาผิวหนังบนใบหน้าซีกเดียวของอาสาสมัคร 21 ราย โดยทายา วันละ 2 ครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป 8 สัปดาห์ นักวิจัยสรุปว่าผิวหนังด้านที่ทายา AHA ในอาสาสมัคร 18 ราย นุ่มและเนียนขึ้นเล็กน้อย และผิวหนังด้านที่ทายาในอาสาสมัคร 15 ราย มีริ้วรอยเหี่ยวย่นจางลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับด้านที่ไม่ได้ทายา และพบว่า อาสาสมัคร 17 ใน 21 รายนี้ขอใช้กรดผลไม้ต่อไปเมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยแสดงว่ากรดผลไม้ช่วยให้ฝ้าและกระ ตลอดจนรอยด่างดำ ของใบหน้าจางลงได้บ้างและยังช่วยรักษาสิวได้

คนที่มีอายุมากขึ้น ขั้นตอนในการผลัดเซลล์ผิวหนังจะช้าลง การใช้ AHA ช่วยละลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งยึดติดอยู่ระหว่างเซลล์ที่ตายแล้วกับผิวหนังในชั้น stratum corneum ทำให้ชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วลอกออกอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอทำให้รูขุมขนไม่อุดตันช่วยในการขับน้ำคัดหลั่งของต่อมเหงื่อ เซลล์ใหม่ที่ขึ้นทดแทนเซลล์เก่าทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ทำให้ผิวหนาขึ้นช่วยป้องกันและปกป้องผิวจากมลภาวะแวดล้อม และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย การเร่งหลุดออกของเซลล์ทำให้ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และรอยย่นหลังจากการใช้หลาย ๆ ครั้ง จากการศึกษาของการใช้ผลิตภัณฑ์ AHA ประจำวันคือ ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง ผิวเรียบมากขึ้น ผิวหนังสุขภาพดีและสะท้อนแสงอย่างสม่ำเสมอทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย กรด AHA ให้ผลคล้าย เรติน-เอ อันเป็นสารที่นิยมใช้ในการรักษาสิว และบำรุงผิวในทศวรรษที่ 80 (1980) แต่มีผลข้างเคียงเป็นอันตรายต่อผิวอย่างมาก เนื่องจากเรติน-เอ ทำให้ผิวหน้าส่วนบนบางลง ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง สิวหลุดลอก หากใช้ไปนาน ๆ ผิวหน้าจะไวต่อแสงแดด และรู้สึกระคายเคืองมาก เมื่อเทียบกับ AHA แล้วพบว่า AHA นั้นอ่อนโยนกว่า

ข้อดีของการทำ AHA peeling คือ ไม่พบว่ามีพิษต่อร่างกาย, การลอกนั้นตื้นดังนั้นจึงมีผลข้างเคียงน้อย เมื่อใช้ AHA ในความเข้มข้นที่ 8-15% ในการทำทรีทเม้นท์

ข้อเสียของการใช้ AHA peeling คือ ผิวหนังจะบางลง มีความไวต่อแสงอุลตราไวโอเลตเพิ่มขึ้น กล่าวคือ อาจมีการไหม้ของผิวได้ง่ายขึ้นเมื่อตากแดด หรือมีความรู้สึกแสบผิวได้มากขึ้น และถ้าหากเป็นผู้ที่ต้องโดนแดนประจำ อาจมีความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้ หรือสนใจจะใช้ AHA หรือทำทรีทเม้นท์ผิวด้วย AHA คือ
1. ควรใช้กันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป
2. ควรกางร่มหรือสวมหมวก ปกป้องผิวจากแสงแดด
3. ควรทดสอบใช้บริเวณเล็กก่อน เพื่อดูว่ามีการระคายเคืองหรือไม่
4. ถ้ามีอาการแสบเคือง ให้หยุดใช้แล้วปรึกษาแพทย์

ส่วนประกอบหลัก : Glycolic Acid 15%

วิธีใช้ : ก่อนทำทรีทเม้นท์ต้องล้างหน้า และเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน ต้องระวังอย่าให้โดนรอบตาและหลับตาให้สนิท เพราะถ้า AHA เข้าตา ตาจะอักเสบระคายเคืองอย่างรุนแรง หลังทา AHAจะมีอาการคันยิบ ๆ เล็กน้อย ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด เมื่อผิวถูกปรับสภาพในครั้งแรกแล้ว สามารถเพิ่มระยะเวลาในการทำทรีทเม้นท์เป็น 5-10-15 นาทีได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

เมื่อทำ AHA Treatment ทุกครั้ง ต้องจำไว้ว่าผิวจะลอกและระคายเคืองง่ายอยู่แล้ว จึงต้องงดเว้นการใช้สบู่ที่ผสมเม็ดขัดถูใบหน้า งดการใช้ผ้าขนหนู ฟองน้ำ ใยบวบ หรือสิ่งใดๆ ก็ตามมาขัดถูใบหน้า

ข้อควรปฏิบัติในการใช้กรดผลไม้ผลัดผิว (AHA Treatment)

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดก่อนทา AHA ล้างคลีนเซอร์ให้เกลี้ยงเกลา เพราะถ้ายังมีตกค้างจะต้านฤทธิ์ของกรดผลไม้

2. หลังล้างหน้ารอให้หน้าแห้งก่อน 15 นาที แล้วจึงทา AHA เพราะถ้าผิวเปียกชื้นแล้วทากรดผลไม้ ผิวจะระคายเคืองได้ง่าย

3. ค่อยๆ ป้าย AHA Gel เกลี่ยเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบตา ข้างจมูก และปาก ไม่ต้องนวด ไม่ต้องดึง ไม่ต้องดันผิวหนัง ครั้งแรกให้ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกได้เลย ครั้งต่อไปเพิ่มเป็น 10-15 ได้ตามความเหมาะสม

4. ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ แล้วหยุดใช้ได้ กลับมาใช้อีกครั้งเมื่อต้องการปรับสภาพผิว

6. ต้องใช้กันแดดร่วมไปด้วย โดยเป็นกันแดดที่มี SPF อย่างต่ำ 15

@ ความเข้มข้นมากน้อยแค่ไหนที่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องปรึกษาแพทย์ @
โดยทั่วไปแล้ว AHA จะใช้ผสมในเครื่องสำอางในความเข้มข้น 8-15% ซึ่งเป็นความเข้มข้นในการใช้บำรุงผิวให้ดูสดใส ยังมีการใช้ AHA ในขนาดสูง ความเข้มข้นประมาณ 30-70% ในการใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิด แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้

สนใจสอบถามได้ที่ [email protected]

http://www.2-beauty.com