+รับ สร้างบ่อปลา ทำน้ำพุ น้ำตก น้ำล้น โทร. เล็ก 083-306-6063 ได้ตลอดเวลายินดีเข้าดูสถานที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด พร้อมให้บริการโดยทีมงานวิศวะกรอาชีพที่มากประสบการณ์การทำงานครบทีม ในราคาย่อมเยาว์ พร้อมให้บริการด้วยหัวใจบริการแก่ทุกท่านที่สนใจในงานได้ตลอด

การแต่งสวนสวยด้วยน้ำพุ

ทำความรู้จักกับน้ำพุกัน


น้ำพุมีอยู่ 2 ประเภท คือ
น้ำพุธรรมชาติ
เกิดจากแรงดันของน้ำที่อยู่ใต้ดิน
พุ่งผ่านรอยแยกของพื้นดินขึ้นมา
ส่วนมากจะเป็นน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น
พุ่งผุดขึ้นมา
อาจจะมีหลายจุดในบริเวณเดียวกัน
หรือพุ่งแรงจุดเดียว
อีกอย่างคือ
น้ำพุประดิษฐ์
สร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์
มีองค์ประกอบสำคัญ
คือ ภาชนะ เช่น อ่าง หรือสระ
เพื่อกักเก็บน้ำ
ปั๊มน้ำ
เพื่อดูดน้ำส่งผ่านหัวน้ำพุ
ซึ่งเครื่องปั๊ม
จะทำงานโดยการใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมัน
รูปแบบของน้ำพุประดิษฐ์มีหลายรูปแบบ
ได้แก่


น้ำพุแบบติดผนัง
ส่วนมากจะประกอบด้วยประติมากรรมแบบต่าง ๆ

น้ำพุแบบลอยตัว

คือมองได้รอบข้าง
มีอ่างน้ำรองรับ
ซึ่งจะเป็นลักษณะของน้ำพุแบบยุโรปนิยม

น้ำพุอีกประเภท

คือ "หัวน้ำพุวางไว้กลางสระน้ำธรรมชาติ"
แบบนี้มักจะใช้
เพื่อประโยชน์ในการเติมออกซิเจนให้น้ำในสระ
นอกเหนือไปจากความสวยงาม
และเสริมบรรยากาศ
สิ่งที่ทำให้น้ำพุมีความแตกต่างกัน
ในด้านความสวยงาม แปลกตาน่าสนใจ
นั่นคือ หัวน้ำพุ
ซึ่งอาจพุ่งขึ้นเป็นลำ หรือเป็นฝอย
หัวน้ำพุมีการพัฒนารูปแบบให้งดงาม
อาจพุ่งออกจากจุดศูนย์กลาง
เป็นช่อเป็นชั้นลดหลั่นกัน
หรือพุ่งจากรอบบ่อเข้ามาจุดศูนย์กลาง

การเลือกใช้หัวน้ำพุ

การเลือกใช้หัวน้ำพุชนิดใดนั้น
ต้องพิจารณาจากบ่อ สระ หรือภาชนะ
ให้มีความสัมพันธ์กัน
คือ ขนาดของบ่อ สระ หรือภาชนะ
ต้องพอเหมาะพอดี
กับสระน้ำที่พุ่งออกมาจากหัวน้ำพุ
บ่อ หรือสระที่กว้างมาก
ถ้าใช้หัวน้ำพุเล็กเกินไป
ก็จะกลายเป็นน้ำที่พุ่งออกจากปากปลา
เพื่อจับแมลงกิน
แต่ถ้าหัวน้ำพุใหญ่มาก
น้ำจะพุ่งเลยขอบสระ
และน้ำก็จะหายไปทีละเล็กทีละน้อย
ต้องเติมน้ำกันบ่อย ๆ
อีกทั้งรอบสระก็จะเฉอะแฉะไปหมด
น้ำพุที่ใช้ประกอบสวนขึ้นอยู่กับสไตล์ของสวน
ถ้าเป็นสวนสไตล์ธรรมชาติ
สระน้ำควรมีรูปทรงอิสระไม่ใช่รูปเรขาคณิต
มีรูปปั้นเหมือนจริงประกอบ
เช่น เป็นปลาโผล่หัวขึ้นมาพ่นน้ำ
รูปปั้นปลาจะเป็นปูนหรือทองแดงก็ได้

ตำแหน่งของน้ำพุ

ตำแหน่งขึ้นอยู่กับรูปแบบของอาคาร
และวัตถุประสงค์
บางครั้งเราตั้งตำแหน่งของน้ำพุไว้ในสวน
เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว
เกิดเสียง เสริมบรรยากาศ
แต่บางครั้งก็เพื่อประกอบให้อาคารงดงามขึ้น
บางครั้งการสร้างน้ำพุ
ก็เพราะความเชื่อโชคลาง
ทำตามซินแสบอกเรื่องฮวงจุ้ย
อันนี้ทำเพื่อความสบายใจ
และตำแหน่งของน้ำพุมักจะไว้หน้าบ้าน
สรุปว่าตำแหน่งของน้ำพุ
ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเจ้าของบ้าน
ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องตำแหน่ง

พื้นที่ที่ต้องเตรียมติดตั้งน้ำพุ

ขึ้นอยู่กับรูปแบบ
สิ่งที่สำคัญคือ
ไม่ควรอยู่ใต้ต้นไม้ที่ใบร่วงมาก
จะทำให้เกิดปัญหาการหมุนเวียนของน้ำ
เพราะเกิดการอุดตัน
ไม่ควรวางไว้ในทิศทางที่ลมพัดแรงมาก
เพราะลมจะทำให้น้ำพุ่งออกมา
ผิดจากลักษณะที่ต้องการ

การดูแลน้ำพุ

คือ การทำให้น้ำ
ซึ่งหมุนเวียนสะอาดใสอยู่เสมอ
หัวน้ำพุเมื่อใช้ไปนาน ๆ
อาจมีการอุดตันเพราะหินปูนในน้ำ
ควรถอดออกมาทำความสะอาดบ้าง

งบประมาณสำหรับการติดตั้งน้ำพุ

ขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของหัวน้ำพุ
มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาทจนถึงเป็นหมื่น
ปั๊มน้ำก็ขึ้นอยู่กับหัวน้ำพุ
ถ้าต้องการน้ำพุแรงก็ใช้ปั๊มขนาดใหญ่

สร้างสระในสวน

ยาม เหนื่อยล้าจากหน้าที่การงาน ถ้าได้มานั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้รื่น มองสายน้ำไหลคงจะผ่อนคลายได้ไม่น้อย สระน้ำจึงเป็นสิ่งก่อสร้างในสวนที่ช่วยสร้างเสริมเสน่ห์ให้บ้านได้มากมาย หลายคนคิดว่าการสร้างสระน้ำขึ้นสักสระเป็นสิ่งยุ่งยาก แต่เพียงคุณให้เวลา ให้ความพยายามเสียหน่อย แล้วความรื่นรมย์จะอยู่คงทนในสวนของคุณอีกหลายปี
สระ น้ำนั้นสามารถสร้างได้หลายแบบหลายขนาดและ ทุกแบบก็สามารถสะท้อนความเป็นตัวคุณได้ ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูร้อนประมาณเดือนมีนาคมคือช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดที่จะ สร้างสระน้ำนี้เพื่อจะได้มีเวลาลงไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ประดับเพิ่ม แล้วคราวนี้คุณจะได้ชื่นชมน้ำไหล ดอกไม้บานและความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ

1. ขั้นแรกก็คือลองวาดแผนผังซึ่งรวมถึงลักษณะและตำแหน่งที่ต้องการวางของสระที่ ต้องการก่อน ขั้นตอนนี้น่ะสำคัญมากที่สุดเลย ถ้าต้องการสระใหญ่ ๆ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณต้องเสียเวลานานกว่าสระเล็ก ๆ
ต้องคิดเผื่อด้วย ว่าพืชน้ำนั้นต้องการแสงแดด แบบเต็มที่วันละ 5-6 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นบรรดาต้นไม้อาจจะมีเสน่ห์ดึงดูดแต่ก็สร้างปัญหาให้สระน้ำได้ใน เรื่องความสมดุลย์ของแสงและเงา ทางป้องกันปัญหานี้คือการวาดแผนผังของสวนและเลือกภูมิประเทศที่สอคล้องกับ สวนของคุณ


2. ทำเครื่องหมายพื้นที่ที่จะขุด วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือเอาสายยางที่คุณใช้ฉีดน้ำในสวนนั่นแหละมารับจ๊อบวาง เป็นเส้นรอบวงของสระ ทำแบบนี้แล้วคุณสามารถปรับแต่งรูปร่างของสระได้ด้วย จำไว้ว่ารูปร่างของสระที่คดเคี้ยวจะดูมีเสน่ห์กว่าสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมทื่อ ๆ จากนั้นก็ใช้ทรายโรยบ่งบอกอาณาเขตของสระ


3. ได้เวลาขุดแล้ว บรรเลงกันได้เลย ช่วงเวลานี้ถ้าชวนกันมาทำทั้งครอบครัวก็จะได้บรรยากาศสนุกสนานไปอีกแบบ ขุดลึกลงไป 10-12 นิ้ว เพื่อเป็นบริเวณที่จะใช้เพาะเลี้ยงพืชน้ำ เผื่อหน้าดินให้ชั้นนี้ให้กว้างสัก 10 นิ้ว


4. เมื่อขุดจนได้บริเวณสำหรับปลูกพืชเสร็จแล้ว จึงเริ่มขุดลงลึกไปตรงกลางสระตามความลึกที่ต้องการ


5. วัดขนาดของวัสดุรองสระ (Liner) ให้เป็นสี่เหลี่ยมอัตราส่วนกว้าง x ยาวดังนี้ ด้านกว้าง (หรือยาว) + 2 เท่าของความลึกและเพิ่มเข้าไปอีกสัก 3 นิ้ว


6. ขั้นต่อไปคือการปรับระดับรอบสระให้เรียบเท่ากัน ถ้ามีจุดไหนที่สูง-ต่ำกว่ากันให้ถมดินเข้าไป


7. ระมัดระวังส่วนพื้นและผนังของสระด้วยให้ปลอดจากหิน รากไม้หรือสิ่งอื่น ๆ เก็บ เศษหิน เศษดินตามผิวสระออกให้หมด


8. จากนั้นก็โรยทรายหนาสัก 2 นิ้วลงบนก้นสระและชั้นสำหรับปลูกพืชน้ำ วิธีนี้เพื่อความแน่ใจว่าราบเรียบก่อนปูวัสดุรองสระ (Liner)


9. จากนั้นก็ปูวัสดุรองสระ (Liner) ลงบนชั้นทรายที่โรยไว้ได้เลย คลี่ออกแล้วตากแดดสัก 30 นาทีก่อน การปูจะง่ายขึ้นถ้าคุณมีผู้ช่วย กางวัสดุรองสระ (Liner) ไว้เหนือสระ พยายามกางให้คลุมถึงขอบสระด้วย จากนั้นก็ค่อย ๆ วางลงไปในสระ


10. ขั้นตอนสุดท้าย ค่อย ๆ ปูวัสดุรองสระ (Liner) ลงไปในสระ ให้ทำอย่างใจเย็นและระวังไม่ให้ย่นด้วย บริเวณส่วนโค้งนั้นต้องพับจีบให้ดี เมื่อจัดวางลงในสระได้แล้วส่วนวัสดุรองสระ (Liner) ที่เหลือบริเวณริม ๆ สระอาจจะวางก้อนหินใหญ่ ๆ และจัดตกแต่งด้วยต้นไม้ตามแต่ใจชอบ
แค่นี้ ความอภิรมย์ก็มาเยือนบริเวณบ้านของคุณ พร้อมกับความร่มรื่นแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการติดตั้งระบบหมุนเวียนน้ำ คราวนี้ก็ต้องใช้บริการของช่างมืออาชีพกันแล้ว