ทัวร์ธิเบต 6วัน4คืน พร้อมนั่งรถไฟสายทิเบต-ชิงไห่ ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟบนที่ราบสูงที่สูงที่สุดและยาวที่สุดของโลกในราคาพิเศษเพียง 47,900 บาทเท่านั้น สำรองที่นั่งด่วนวันนี้
ทัวร์ธิเบต
ท่องเที่ยวกับเส้นทางที่สูงที่สุดในโลก ปักกิ่ง - ธิเบต - ลาซา - ซีนหนิง 6 วัน 4 คืน ทิเบต..หลังคาโลก ดินแดนแห่งกงล้อมนตราอันศักดิ์สิทธิ์
สัมผัสบรรยากาศการนั่งรถไฟท่องเที่ยว บนเส้นทางที่สูงที่สุดในโลก
ชมเทือกเขาคุนล้น และดินแดนที่ธรรมชาติสรรค์สร้างเสมือนแดนสวรรค์บนดิน
สำหรับทางรถไฟสายทิเบต-ชิงไห่ ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟบนที่ราบสูงที่สูงที่สุดและยาวที่สุดของโลก ได้วางราง แล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ 2548 และจะเริ่มทดลองใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2549 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จด้วยดี โดยเส้นทาง ดังกล่าวเริ่มต้น จากเมืองซีหนิง (เมืองเอกมณฑลชิงไห่) ถึงเมืองลาซา (เมืองเอกเขต ปกครองตนเองทิเบต) โดยส่วนหนึ่ง ของเส้นทางที่มีความ ยาวราว 960 กิโลเมตรได้สร้างอยู่บนความ สูงมากกว่า 4,000 เมตรจนถึงสูงสุด 5,072 เมตรเหนือ ระดับน้ำทะเล ที่ส่วนใหญ่เป็น เขตที่ไม่มีผู้คนอาศัยและอากาศหนาวเย็น
กำหนดการเดินทาง 18-23/19-24/25-30/26-31 พ.ค. 54 ท่านละ 47,900 บาท
วันแรก เช็คอินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
23.45 น. คณะพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก (ระหว่างประเทศ ) ชั้น 4 ประตู 9 ISLAND – U ( เคาน์เตอร์ U 6-8 ) โดยสายการบิน AIR CHINA โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวก
วันที่สอง กรุงเทพฯ – ปักกิ่ง – นครลาซา
01.05 น. เดินทางไปปักกิ่ง โดยสายการบิน AIR CHINA เที่ยวบินที่ CA 980
06.30 น. เดินทางถึง สนามบินกรุงปักกิ่ง เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่ เดิมทีปักกิ่งเคยเป็นเมืองสำคัญทางการค้าของอาณาจักรเยี่ยนเมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล หลังการปฏิวัติล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช และการสู้รบกลางเมือง ค.ศ 1949 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ชัยชนะ จึงประกาศตั้งรัฐบาลและกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนับแต่นั้นมา และท่านจะได้สัมผัสกับ “สนามบินนานาชาติ” ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 43 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 55 ล้านคนในปี 2015 สนามบินโฉมใหม่ที่มีขนาดกว่า 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเพนตากอนของสหรัฐอเมริกานี้ เป็นฝีมือของผู้ออกแบบสนามบินเช็กแลพก๊อกของฮ่องกงด้วย นั่นคือ Foster & Partners สถาปนิกนักเดินทาง ที่เข้าถึงจิตใจผู้โดยสาร ด้วยการออกแบบทางเดินแต่ละส่วนให้สั้นที่สุด ฟอสเตอร์ ได้แบ่งอาคารที่กว้างขว้างใหญ่โตของสนามบินนานาชาติปักกิ่งออกเป็น 2 ข้าง ทอดตัวจากทิศใต้ไปสู่ทิศตะวันออก เพื่อช่วยลดไอร้อนจากแสงอาทิตย์ แต่ติดสกายไลท์ให้แสงแดดละมุนละไมได้ฉายส่องเข้ามาพร้อมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนภายในตัวอาคาร
09.00 น. เหินฟ้าต่อสู่นครลาซา โดยเที่ยวบินที่ CA 4421
15.00 น. ถึงสนามบินก่งก่า นครลาซาแห่งหลังคาโลกทิเบต นำท่านเดินทางสัมผัสเมืองแห่งหลังคาโลกอย่างแท้จริง ที่นี่ท้องฟ้าสดใส กลางขุนเขาหิมาลัย ทุ่งโล่งกว้างเวิ้งว้าง ธงทิวแห่งมนตราปลิวไสว และนี่คือระดับความสูง 3,650 เมตร (ดอยอินทนนท์สูงเพียง 2,400 เมตร กว่าๆ เท่านั้น) นำท่านเดินทางลัดเลาะ แม่น้ำซังโปอันใสสะอาด สะท้อนภาพองค์พระพุทธรูปบนหน้าผาหินลงท่ามกลางสายน้ำอันเยือกเย็น เข้าสู่ นครลาซา ผ่านทิวทัศน์อันงดงามแปลกตา ผ่านผู้แสวงบุญที่มากับสองเท้า บ้างก็คลานแบบอัฐฎางคประดิษฐ์ บ้างก็นั่งรถมา จุดหมายของชาวทิเบตทุกสายมุ่งหน้าสู่ นครแห่งความศักดิ์สิทธิ์ลาซา (เราเพิ่งเดินทางจากระดับพื้นน้ำทะเล ที่นี่อากาศเบาบาง ออกซิเจนน้อย เราจึงต้องลดความเร็วในการเคลื่อนไหว บ่ายคือช่วงเวลาปรับตัวขอให้ท่านผ่อนคลายเคลื่อนไหวช้า ห้ามสูบบุหรี่โปรดปฎิบัติอย่างเคร่งครัด) นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก เพื่อพักผ่อนปรับสภาพร่างกาย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ภัตตาคาร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
GANG JIAN LASA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สาม พระราชวังโปตาลา – วัดโจคัง – ถนนแปดเหลี่ยม
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
หลังอาหารเช้านำชม พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดงซึ่งมี ความสูงประมาณ 117 เมตร พระราชวังโปตาลา เป็นอาคารสูง 13 ชั้น ยาว 400 เมตร กว้าง 350 เมตร มีห้องต่าง ๆ เกือบ 1,000 ห้อง เริ่มสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รวบรวมทิเบต ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ คือ กษัตริย์ชองเซิน กัมโป (Songtsen Gampo) แรกเริ่มต้องการเพียงจะ สร้างเป็นตำหนักให้แก่มเหสีชาวจีนและชาวเนปาลของพระองค์เอง ต่อมาทรงใช้ป้อมแห่งนี้เป็นสถานที่ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจวบ จนกระทั่งสมัยเปลี่ยนการปกครอง เป็นพระลามะ เป็นผู้ปกครองประเทศ ปัจจุบันนี้ส่วนก่อสร้างเดิม 2 หลังนี้ยังคงเหลือให้เห็นอยู่ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างใหม่ ที่ต่อเติม ในยุคหลัง อาคารที่ต่อเติมในช่วงหลังนี้ ส่วนหลัก ๆ สร้างในสมัยของดาไล ลามะ ที่ 5 ประมาณ ปี ค.ศ. 1645 - 1693 (องค์ดาไลลามะ องค์ปัจจุบันคือ องค์ที่ 14)เพื่อให้เป็นพระราชวังฤดูหนาว พระราชวังโปตาลา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของพระราชวังสีขาว, สีแดง และส่วนเชื่อมที่เป็นสีเหลือง พระราชวังสีขาว เป็นส่วนของสังฆาวาส พระราชวัง สีแดงเป็นส่วนพุทธาวาสสำหรับใช้ทำกิจของสงฆ์ และบรรจุพระศพของ องค์ดาไลลามะ (ดาไล ลามะองค์ที่ 5,7,8,9,10,11, 12 และ 13) และห้องสมุดที่ใช้สำหรับเก็บ พระไตรปิฎก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำชม วัดโจคัง (ภาษาจีนเรียก วัดต้าเจ้าซื่อ (Jokhang Temple) เป็นวัดที่ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวทิเบตทั้งมวล เพราะเมื่อมีพิธีถือศีลกัน พระลามะจำนวนมากก็จะเดินทางมารวมกันทำพิธีที่นี่ สร้างในสมัยของกษัตริย์ซองเซิน กัมโป (อยู่ในปีค.ศ.620-649 ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่รวมอาณาจักรทิเบตให้เป็นปึกแผ่น) เช่นกัน เพื่อไว้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป ที่มเหสีชาวต่างชาติสององค์ของพระองค์ คือ ชาติจีน และเนปาล นำเข้ามายังทิเบต ศิลปะการก่อสร้างมีจุดเด่นตรงที่นำเอาศิลปะของ 4 ชาติมาผสมกันคือ ทิเบต จีน เนปาลและแคชเมียร์ มีตำนานเล่ากันว่า ก่อนที่กษัตริย์ซองเซิน กัมโป จะสร้างวัดต้าเจาซื่อ ได้อธิษฐานว่าพระองค์จะโยนแหวนขึ้นไปบนอากาศ หากแหวนนั้นตกลงที่ใดก็จะสร้างวัดลงตรงนั้น ปรากฏว่าแหวนลอยลงไปตกในสระน้ำกระทบกับหินที่โผล่ขึ้นมา ทันใดนั้นเอง นิมิตของสถูปก็ปรากฏให้แก่คนทั่วไปได้เห็น จึงนับว่าเป็นนิมิตที่ดี กษัตริย์ ซองเซิน กัมโป ก็เลยให้สร้างวัดลงตรงนั้นเอง ภายในวัดมีสิ่งสำคัญอยู่หลายสิ่งเป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ อาทิเช่น รูปปั้นอนุสาวรีย์ ยา 2 เม็ด ที่สร้างเมื่อ 200 ปีก่อน บอกวิธีการรักษาโรคฝีดาษที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ปรากฏว่ารูปปั้นนี้ถูกผู้คนแอบแทะไปกินเพื่อรักษาโรคเสียแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่พระนาง เหวิน เฉิง นำมาจากประเทศจีนเมื่อ 1300 ปีก่อน ซึ่งได้รับการกราบไหว้และยอมรับกันอย่างมากว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แม้แต่พวกขบวนการเรดการ์ด หรือกองทัพแดงที่ทำลายทุกอย่างตอนที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนในประเทศจีน ยังไม่กล้าแตะต้องพระพุทธรูปองค์นี้เลย จากนั้นนำท่านออกมาเดินชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวทิเบต ที่ถนนฆอร์หรือถนนแปดเหลี่ยม ที่ล้อมรอบวัดโจคัง และอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้ง ชื้อสินค้าพื้นเมืองอันหลากหลาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
GANG JIAN LASA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ ตำหนักนอร์บุหลิงฆา – วัดเซรา – วัดเดรปุง
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชม ตำหนักนอร์บุหลิงฆา อันเป็นพระราชวังฤดูร้อน คู่กันกับพระราชวังฤดูหนาวโปตาลา ความหมายเดิมของชื่อ นอร์บุ หลิงฆา แปลว่า “สวนอัญมณี” สร้างขึ้นในช่วงหลังศตวรรษที่ 18(ตรงกับปี พ.ศ. 2298 ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก 12 ปี) โดยดาไลลามะที่ 7 สมัยต่อๆ มา ดะไลลามะองค์อื่นๆ ได้สร้างต่อเติมส่วนของตนเองขึ้นมาเรื่อย ๆ แม้แต่ดาไล ลามะ องค์ที่ 14 ก็ยังได้ต่อเติมพระราชวังของตนเองก่อนที่จะหนีออกจากทิเบต ในบริเวณโถงรับรองมีบัลลังก์เทวราช และงานจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประสบการณชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ โดยมีกรอบเป็นภาพเขียนพุทธชาดก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชม วัดเซรา (ภาษาจีนเรียก ซึราซื่อ (Sera Monastery)) ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือ 5 กิโลเมตร บริเวณเชิงเขาตาติปู และสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกระท่อมที่พระชองฆาปาศึกษาธรรมและปฎิบัติกรรมฐาน ทางเหนือของเมืองลาซาขึ้นไป สร้างโดยศิษย์รูปหนึ่งของชองฆาปา (Tsong Khapa) เมื่อปี ค.ศ. 1419 ( ชองฆาปา มีอายุอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1357-1416 เป็นผู้ปฏิรูปและก่อตั้งพุทธศาสนา ลัทธิเกอลักปา (Gerlugpa Sect) หรือ นิกายคุณธรรม ซึ่งนิยมเรียกนิกายหมวกเหลือง ตามประวัติเล่ากันว่า ชองฆาปา ก็คือพระอาจารย์ขององค์ ดาไล ลามะที่ 1) อารามแห่งนี้เคยมีพระจำวัดอยู่ถึงเกือบ 5,000 รูป เป็นอารามที่รู้จักกันดีทั่วทิเบต เนื่องจากมีสำนักสงฆ์ที่มีคุณภาพ ปัจจุบันมีพระจำวัดอยู่ประมาณ 300 รูป อาคารหลัก ๆ ของอารามยังคงอยู่ในสภาพดี เนื่องจากไม่ถูกทำลายลงในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม ทุกๆ วันช่วงบ่ายแก่จะมีการฝึกฝนทางธรรมโดยการใช้การตั้ง และตอบคำถาม โดยที่ลามะแต่ละรูปจะมารวมตัวที่ลานวัด เพื่อทดสอบพระธรรมในรูปแบบการตั้ง “ปุจฉา” และ “วิสัชนา” และอาจได้ชมที่วัดนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ร้านยาธิเบต ซึ่งมียาต่างๆ ให้ท่านได้เลือกซื้อมากมาย นำท่านเที่ยวชม วัดเดรปุง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองลาซา วัดเดรปุง ( ภาษาจีนเรียก ชื่อ ปังซื่อ ) คำว่า Drepung นั้นมาจากคำว่า “ Juekang ” ในภาษาทิเบต แปลว่า “ พระพุทธเจ้า ” อารามแห่งนี้สร้างใน ค.ศ. 1416 โดยลูกศิษย์ของซองฆาปา เช่นกัน ในอดีตอารามนี้เป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเวลานาน ที่นี่เป็นพระตำหนักขององค์ดาไลลามะก่อนที่ตำหนักโปตาลาสร้างเสร็จ สถูปบรรจุพระศพของดาไลลามะองค์ที่ 2 , 3 , 4 ตั้งอยู่ในอารามแห่งนี้ด้วย เชื่อกันว่าอารามเดรปุงน่าจะเป็นอารามขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในยุคที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ทางด้านล่างของพื้นที่อารามเป็นกุฏิสงฆ์ อาคารเก็บของและอาคารใช้สอยอื่นๆ ด้านบนเป็นที่ตั้งของหอสวดมนต์หลายหอ ซึ่งหอสวดมนต์เรียกว่า ดูฆางส์ ภายในหอสวดมีพระพุทธรูปและภาพวาดบนผืนผ้าแบบทิเบต ซึ่งเรียกว่า ธังกา จากนั้นทำท่านชมภาพวาดถังข่า หรือทังกา ซึ่งภาพวาดถังข่าเป็นภาพลายปักบนผ้าไหมหรือกระดาษ ที่แสดงถึงขนบทำเนียมประเพณีของชาวทิเบต
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
GANG JIAN LASA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า ลาซา – นั่งรถไฟไปซีหนิง
เช้า รับประทานอาหารเช้า (แบบกล่อง)
นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟ ขบวน K918 นำท่านขึ้นรถไฟขบวนท่องเที่ยวสุดหรู (แบบเมืองจีน)
08.20 น. ขบวนรถไฟออกจากสถานี ข้ามสะพานแม่น้ำลาซา และอำลาพระราชวังโปตาลาอันเป็นสัญลักษณ์ของทิเบตและจุดศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของชาวพุทธทิเบต และวัดเดรปุงที่อยู่เชิงเขา ก่อนลอดอุโมงค์หยังปา จิ่ง ยาว 42.5 กม.
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันบนรถไฟ (แบบกล่อง)
13.00 รถไฟสู่อำเภอน่าจวี่ ผ่านทุ่งหญ้าเชียงถัง (4,600 เมตร) พื้นที่กว่า 6 แสนตารางกิโลเมตร ดูเหมือนผ้าห่าต๋าสีเขียวผืนปูไว้บนที่ราบสูง รถไฟวิ่งท่ามกลางทะเลดอกหญ้า ฝูงจามรีและแพะ แกะกระจายตามทุ่งดอกหญ้า เหมือนไขมุกที่เคลือบไว้บนพรมไหมสีสันสวยงาม ขอบฟ้าสุดสายตาเป็นภูเขาหิมะติด ๆ กันยึดยาวไปตามเส้นทางรถไฟ นอกนั้นยังมีทะเลสาบเทวดา และน้ำพุร้อนอีกมากมากกระจายอยู่ในทุ่งหญ้า
15.23 รถไฟจอดให้ชมวิวในบริเวณ ทะเลสาบนัมซัว (สูงจากระดับน้ำทะเล 4,800 เมตร พื้นน้ำกว้าง 400 ตารางกม.) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีระดับน้ำทะเลสูงสุดของโลก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสาละวิน ทะเลสาบตั้งอยู่ในใจกลางทุ่งหญ้าเชียงถัง มักจะมีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดวิ่งอยู่บริเวณทะเลสาบ เช่น จามรี ลา ละมั่ง แพะเหลือง เสือดาวหิมะ ไก่หิมะเป็นต้น ดูเหมือนเป็นสวนสัตว์ธรรมชาติ สีของน้ำเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมน้ำใสเขียว ภาพที่เห็นจะเสมือนเห็นนกบินอยู่ในน้ำ ปลาว่ายน้ำอยู่บนเมฆ เดือนกันยายนและตุลาคม หญ้าในริมน้ำสีแดงไปหมด ตัดกับสีน้ำเงินของน้ำ และสีขาวของหิมะบนยอดเขาริมทะเลสาบซึ่งยอดเขามีความสูงถึง 7,000 เมตร จุดชมวิว(ยาว 500 ม.) ของทะเลสาบห่างจากสถานีรถไฟ 20 เมตร หลังถ่ายรูปเดินทางต่อจะได้เห็นเทือกเขาเขียวชะอุ่ม ยาวเกือบ 400 กม. เป็นกำแพงเขียวเพื่อป้อนกันพายุทรายในช่วงหน้าหนาว
16.28 ผ่าน เขาถังกู่ระ อันยิ่งใหญ่มโหฬาร ชม กาเซียร์เจียงเกินตี๋หรู อยู่บนเขาเก๋อราตันตุง ยาว 14 กม. กว้าง 2 กม.) ในช่องเขาถังกู่ระ กาเซียร์สายนี้เป็นธารน้ำแข็งใหญ่สุดของเอเชีย เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำแยงซีเกียงโดยแท้ น้ำแข็งบนกาเซียร์ละลายไหลเข้าแม่น้ำโถโถ ช่องเขาแห่งนี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างทิเบตกับมณฑลชิงไห่ พื้นที่เขตนี้เป็นดินน้ำแข็งตลาดทั้งปี แต่อากาศก็มักจะเปลี่ยนแปลง แม้ในหน้าร้อนก็ยังมีพายุหิมะ ลูกเห็บ น้ำค้างแข็ง เนื่องจากเป็นจุดสูงสุดที่มีทางรถไฟผ่าน(ของโลก) อากาศที่มีอยู่น้อยกว่า 40% หากเทียบกับที่ราบต่ำ ผู้โดยสารมักจะมีอาการเกิดขึ้นเมื่อรถไฟผ่านที่นี่ (แต่ท่านผ่านการปรับตัวมาแล้ว อาการก็จะน้อยลง) ยอดเขาถังกู่ระมีหิมะตลอดทั้งปี มีธารน้ำแข็งหลายสิบสายไหลลงมาจากยอดเขา มองใกล้เป็นภูเขา ชมไกลเป็นธารน้ำ รถไฟชะลอเพื่อให้ท่านชมวิวช่องเขาถังกู่ระ (สูงจากระดับน้ำทะเล 5,072 เมตร)
17.50 ผ่าน แม่น้ำโทงเทียน (4,500 เมตร) ซี่งเป็นแม่น้ำลือชื่อสุดในเรื่องไซอิ๋ว พระถังซำจั๋งเดินทางไปเชิญพระไตรปิฎกจากประเทศอินเดียผ่านที่นี่ พระไตรปิฎกโดนปลายักษ์กินหมด หลังจากได้คืนกลับมาแล้วโดยได้ความช่วยเหลือจากเจ้าแม่กวนอิม ต้องตากแห้งในสองฝั่งของแม่น้ำสายนี้ เป็นแม่น้ำสายแรกตอนบนแยงซีเกียง รถไฟลงถึงจุดต่ำสุดในระหว่างทางเขาถังกู่ระและเขาคุนลุ้น ผ่านแม่น้ำโถโถ ซึ่งเป็นแม่น้ำตอนบนของแยงซีเกียง ยาว 346 กม. สูงจากระดับน้ำทะเล 4,533 เมตร มองออกจากหน้าต่างในสถานีรถไฟ เห็นเขาหิมะหลายลูกตั้งอยู่ เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำทรายทอง หรือแม่น้ำแยงซีเกียง ยอดที่สูงสุดเป็นเขาเก๋อลาตันตง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำบนรถไฟ (แบบกล่อง)
20.10 ลอด อุโมงค์ลมไฟ เป็นอุโมงค์ที่มีระดับน้ำทะเลสูงสุดของโลก (5,010 เมตร) ยาว 1,338 เมตร พื้นดินของอุโมงค์ 80% เป็นดินน้ำแข็ง เป็นอุโมงค์ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยโดยใช้เวลาเพียง 10 เดือนเท่านั้น ตอนที่สร้างอุโมงค์ได้ติดตั้งเครื่องแอร์และฮิตเตอร์เพื่อให้อุณหภูมิคงที่ไว้อยู่ใน -5 ถึง 5 องศา และยังมีเครื่องผลิตออกซิเจนสามเครื่อง ซึ่งผลิตออกซิเจน 5 พันตันต่อวัน มีนักวิชาการทั้งหมดสามรุ่นได้เก็บข้อมูล ณ ที่นี่นานถึง 73 ปี เพื่อเป็นข้อมูลศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างทางรถไฟเข้าสู่เมืองลาซา
20.50 รถไฟวิ่งผ่าน สวนอนุรักษ์สัตย์เขอ เขอ ซี ลี่ เป็นสวนอนุรักษ์สัตว์ป่าที่มีพื้นที่กว้างสุด มีระดับน้ำทะเลสูงสุด และมีสัตว์มากที่สุดของจีน มีเนื้อที่ 8.3 ตารางกิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 5,000 เมตรขึ้นไป อากาศหนาวตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี -4 องศา หนาวสุด -40 องศา มีลมพัดแรงตลอดปี อากาศหนาวรุนแรงทำให้เป็นเขตที่ไม่มีผู้คนพักอยู่อาศัย จึงเปรียบเสมือนเป็น ขั้วโลกแห่งที่สาม ของมนุษย์ แต่กลับกลายเป็นสวนสนุกของสัตว์ชนิดต่าง ๆ มากถึงกว่า 230 ชนิด (ชาวทิเบตถือเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจามรีป่า ลาป่า และละมั่งป่า) เพื่อไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยของสัตว์ จึงจำเป็นต้องสร้างสะพานลอยขึ้นข้างบนให้รถไฟวิ่ง ส่วนข้างล่างเป็นช่องวิ่งของสัตว์ท้องถิ่น อยู่ใต้สะพานเป็นทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ดูเหมือนไร้ขอบเขต ข้ามสะพานชิง สุย เป็นสะพานข้ามแม่น้ำฉู่ หม่า เออร์ เป็นสะพานยาวสุดของทางรถไฟสายยิ่งใหญ่แห่งนี้ บนรถไฟท่านสามารถมองเห็นสัตว์เหล่า นี้กำลังวิ่งเล่นอยู่สองข้างทาง ชมวิวธรรมชาติบนธารน้ำแข็ง มีหน่อไม้น้ำแข็ง สะพานน้ำแข็ง สระน้ำแข็ง กำแพงเมืองน้ำแข็ง ประตูน้ำแข็ง เห็ดหอมน้ำแข็งเป็นต้น ข้ามแม่น้ำฉู่หม่า เอ๋อร์ (ต้นเกิดแยงซีเกียงอีกที่หนึ่ง) ระยะทางของสะพานนี้รวมแล้วยาวถึง 156.7 กม. ขบวนรถไฟลอดอุโมงค์เขาคุนลุ้น (ใช้เวลา 2 นาที) มีความยาว 1,686 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 4,648 เมตร ช่วงหนาวสุดอุณหภูมิติดลบ 30 องศา เป็นอุโมงค์ที่ยาวสุดในเขตดินน้ำแข็งของโลก จากนั้นขบวนรถเลาะเลียบเขาเทวดาคุนลุ้น ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังภูเขาทั้งหลาย ของประเทศจีน เป็นภูเขาเทวดาแห่งแรกของจีน ยาว 2,500 กม. กว้าง 130-200 กม. มีความสูงเฉลี่ย 5,600 เมตร ยอดเขาคุนล้นสูงสุด 7,719 เมตรจากระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นบรรพบุรุษของภูเขาหมื่น ๆ ลูก ในนิทานโบราณจีนมักจะเรียกว่าเป็นชีพจรมังกร เป็นต้นกำหนดของศาสนาลัทธิเต๋า ลูกหลานมังกรคือ ชาวจีน และเป็นแหล่งกำเนิดความศรีวิไลซ์ของประเทศจีนเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว ข้ามช่องเขาคุนลุ้น (4,767 เมตร) ท่านจะมองเห็น ภูเขาหิมะยู่ ซู ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขาคุนลุ้น (ด้านซ้ายมือของรถไฟ) ยอดเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งสำนักคุนลุ้น สูงจากระดับน้ำทะเล 4,500 เมตร มีตำนานกล่าวว่าภูเขาหิมะนั้นเป็นการแปลงกายของน้องสาวของหงักเซียนฮ่องเต้ บนเขาเต็มไปด้วยวัดวาอารามท่ามกลางดอกหญ้า ผ่านสถานนีเขาหิมะ ยู่ ซู (สูง 4,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) ด้านขวามือของรถไฟเป็น เขาหิมะยู่ ซู และเขาคุนลุ้น (สูงจากระดับน้ำทะเล 6,178 เมตร) แม้เดือนกรกฎาคม (หน้าร้อนสุดของจีน) ก็ยังมองเห็นปรากฏการณ์หลากหลาย แสงแดดส่องหิมะและธารน้ำแข็งที่อยู่บนเขา เกิดเป็นลำธารและแม่น้ำ เป็นต้นกำเนิดของ น้ำพุคุนลุ้น และแม่น้ำ เก๋อเอ๋อร์มู่ นอกจากยอดเขาสองลูกนี้แล้ว ภูเขาสูง 5,000 เมตรขึ้นไปยังมีอีกยอดเขาอีก 13 ยอดเรียงแถวติด ๆ กันจากตะวันออกไปตะวันตก ดูเหมือนมังกรหยกกำลังเหาะลงมาจากสวรรค์ อยู่บนยอดเขาแต่ละลูกเต็มไปด้วยหิมะและธารน้ำแข็งตลอดทั้งปี ทำให้หิมะหน้าร้อนของเขาคุนล้นมีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก
22.15 รถไฟผ่าน เมืองเก๋อเอร์มู่ ผ่านทะเลสาบชิงไห่ เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม ที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีพื้นที่ 4,583 ต.กม. ลึก 19 เมตร(ระดับน้ำทะเล 3196 เมตร) ดูเหมือนมหาสมุทรที่ตั้งไว้บนที่ราบสูงหลังคาโลก เป็นทะเลสาบสวยงาม น่าทึ่งหาชมได้ยาก รอบ ๆ ทะเลสาบออบล้อมด้วยภูเขาหิมะและทุ่ง ดอกหญ้าอันกว้างใหญ่ ทุ่งมัสตาร์ดสีเหลือง และทุ่งข้าวสาลี ท่านสามารถ มองเห็นฝูงแพะดั่งเมฆสีขาวลอยอยู่บนทะเลดอกไม้ จินตนาการได้ดั่งบทกวี และภาพวาดของจิตรกรเอก ให้ความรู้สึกสงบ สบายและลืมเรื่องอันวุ่นวายทั้งหลาย ผ่าน เขาพระจันทรา ซึ่งเป็น ประตูสู่หลังคาโลกด้าน ตะวันออกเฉียงเหนือ สมัยราชวงค์ถัง เจ้าหญิงเหวินเฉินเดินทางสู่ทิเบตเพื่อแต่งงาน กับกษัตริย์ซองเซินกัมโป กษัตริย์ทิเบต เคยยืนบนยอดเขา หันหลังทอดสายตา ชมความงามของประเทศตัวเอง หลังจาก นั้นฮั่นกับชาวทิเบต ได้ติดต่อหาสู่กันในด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้มาก ขึ้นเรื่อยๆ ชมทิวทัศน์อันงดงามสองข้างทางรถไฟ ซึ่งเต็มไป ด้วยทุ่งมัสตาร์ด ยาวกว่า 100 กม. รถวิ่งอยู่ท่ามกลาง ทะเลดอกไม้ บางทีเป็นทุ่งหญ้าอันกว้างขวางสุดขอบฟ้า จนมองไม่เห็นที่สิ้นสุด ผ่านหน้า วัดถ่าเอ๋อร์ สร้างขึ้นในปี 1560 เป็นวัดที่ใหญ่สุด 1 ใน 6 ของศาสนาลามะนิกาย หมวกเหลือง เป็นบ้านเกิด ของชอง ฆาปา ผู้ก่อตั้งของนิกายหมวกเหลือง อาจารย์ท่านดาไลลามะและปันเชนลามะ
พักผ่อนบนรถไฟ (พักตู้นอน ห้องละ 4 คน **บนรถไฟไม่มีห้องพักเดี่ยว**)
บนรถไฟมีการควบคุมระดับออกซิเจนให้เหมือนกับอากาศปกติทั่วไป มีหมอและห้องพยาบาลบริการ
วันที่หก ซีหนิง – อารามถาเอ่อร์ซื่อ – ปักกิ่ง – กรุงเทพฯ
07.40 น. ถึง เมืองซีหนิง เมืองหลวงมณฑลชิงไห่ ที่มีขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงทิเบตที่มีความสูงเฉลี่ยกว่า 3,000 เมตร มีประชากรเบาบางเพียงประมาณ 5 ล้านคน มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและที่ราบสูง เสน่ห์ของชิงไห่คือความรกร้างห่างไกลและความเป็นอยู่ของชนเผ่าเร่ร่อน
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม อารามถาเอ่อร์ซื่อ อารามแบบทิเบตที่สร้างทับสถานที่เกิดของพระสังกัปปะ พระผู้ก่อตั้งนิกายหมวกเหลืองขึ้นในทิเบต วัดนี้เคยถูกทำลายในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมแต่ใน ภายหลังได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1980 นำชมหอประติมากรรมเนยจามรี ที่แกะสลักเป็นภาพชาดกและตำนานปรัมปราของชาวทิเบต
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
15.15 น. เหินฟ้ากลับสู่นครปักกิ่งโดยสายการบิน AIR CHINA เที่ยวบินที่ CA1262
17.25 น. เดินทางถึง สนามบินกรุงปักกิ่ง ป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันแบ่งเป็น 16 เขตและ 2 อำเภอ เป็นนครที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง เป็นศูนย์กลางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทางการคมนาคมทั่วประเทศจีน และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ
19.40 น. บินลัดฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน AIR CHINA เที่ยวบินที่ CA 979
23.45 น. เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพฯ
อัตราค่าบริการดังกล่าวรวม
ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นทัศนาจร ไป-กลับ ตามที่ระบุไว้ในรายการ
ค่าวีซ่าและภาษีสนามบินทุกแห่งตามที่กำหนดไว้ในรายการ
ค่าโรงแรมระดับมาตรฐาน (พักห้องละ 2 ท่าน) , อาหารและเครื่องดื่มทุกมื้อ ตามที่ระบุไว้ในรายการ
ค่ายานพาหนะ และค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายการ
น้ำหนักสัมภาระท่านละไม่เกิน 20 กิโลกรัม , ค่าประกันวินาศภัยเครื่องบินตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบินที่มีการเรียกเก็บ
ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ท่านละไม่เกิน 1,000,000 บาท (ค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท)
อัตราค่าบริการดังกล่าวไม่รวม
ค่าหนังสือเดินทาง และเอกสารต่างด้าวต่างๆ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากรายการระบุ อาทิเช่น เครื่องดื่ม ค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ฯลฯ
ค่าภาษีทุกรายการคิดจากยอดบริการ, ค่าภาษีเดินทาง (ถ้ามีการเรียกเก็บ)
ค่าทิปกระเป๋าและ คนขับรถ
ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
เอกสารในการทำวีซ่าจีนสำหรับหนังสือเดินทาง
1. หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
2. หนังสือเดินทางต้องมีหน้าว่าง สำหรับประทับตราวีซ่าและตราเข้า-ออก อย่างน้อย 2 หน้าเต็ม
3. รูปถ่ายหน้าตรง รูปสี 2 นิ้ว ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน 2 ใบ มีพื้นหลังสีฟ้าเท่านั้น และต้องไม่ใช่สติ๊กเกอร์ หรือ รูปพริ้นซ์จากคอมพิวเตอร์ ( รูปใหม่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน อัดด้วยกระดาษสีโกดักและฟูจิ เท่านั้น )
หมายเหตุ
1. บริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้
2. รายการท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
3. บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากสายการบิน ภัยธรรมชาติ ปฏิวัติและอื่นๆที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯหรือค่าใช้จ่ายเพิ่ม เติมที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย, การถูกทำร้าย, การสูญหาย, ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ
4. ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นหากเกิดกรณีความล่าช้าจากสายการบิน, การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล หรือกรณีที่ท่านถูกปฏิเสธ การเข้าหรือออกเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งจากไทย และต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯ
กรุณาส่งหนังสือเดินทางพร้อมรูปถ่ายมาตามที่อยู่ด้านล่างนี้
ซีเอส. ทราเวิล แอนด์ ทัวร์
48/44 ประชาอุทิศ 33 บางมด ทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140
เงื่อนไขการจอง
1. วางเงินมัดจำท่านละ 5,000 บาท โดยโอนเข้าบัญชี
ชื่อบัญชี CS.TRAVEL&TOURS สาขา ถ.ประชาอุทิศ
ธนาคาร ไทยพาณิชย์ 134-3-00801-4 (กระแสรายวัน)
2.ค่าทัวร์ส่วนที่เหลือกรุณาโอนก่อนการเดินทาง 15 วัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่คุณป้อม 084-1307750
CS.TRAVEL&TOURS www.cstravelandtours.tht.in
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ 11/03919
ราคา: | 47,900 | ต้องการ: | ขาย/ให้เช่า/แลก | ||
ติดต่อ: | คุณป้อม | อีเมล์: | |||
สภาพ: | ใหม่ | จังหวัด: | กรุงเทพมหานคร | ||
โทรศัพย์: | 084-1307750 | IP Address: | 58.9.56.210 | ||
คำค้น: | อัฏฐางคประดิษฐ์ ทิเบต | สนทนาธรรมกับพ.ธรรมรังสี | สนทนาธรรมกับอาจารย์ พ.ธรรมรังสี | สนทนาธรรมกับอาจารย์พ.ธรรมรังสี | อัฏฐางคประดิษฐ์ | กราบอัฎฐางคประดิษฐ์ | สนทนาธรรมอาจารย์ พธรรมรังสี | รถไฟ ธิเบต 47900 | การกราบอัฐะคประดิษฐ์ | อัฏฐางคประดิษฐ์คืออะไร | |
ดูสินค้าอื่นๆ | ลงประกาศ | เลื่อนประกาศขึ้น | ลบประกาศ | แก้ไขประกาศ
[ รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน ทั่วประเทศ กู้เงินง่าย ได้เงินไว ไม่เช็คแบล็คลิส ]
ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)
รูป | รายละเอียด | ราคา | |
0 บาท | |||
17,900 | |||
72,900 | |||
กรุณาสอบถามราคา | |||
63,900 | |||
25,900 | |||
0 บาท | |||
20,000-40,000 | |||
กรุณาสอบถามราคา | |||
5,500 | |||
ไม่ระบุ | |||
600-800 | |||
0 บาท | |||
ไม่ระบุ | |||
5,950 | |||
82,900 | |||
29,900 | |||
กรุณาสอบถามราคา | |||
19,900 |