พม่าย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน สิเรียม 4วัน 3คืน วันที่ 19-22,27-30 พ.ค. 54
สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ รักยิ้มทัวร์โทร 02-6918336, 02-6918339
หรือ 087-589-4554
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rakyimtour.com
**************************************
วันแรก กรุงเทพฯ ย่างกุ้ง (-/-/D)
17.00 น. คณะทัวร์พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ N 01-04 สายการบิน Myanmar Airways เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
19.25 น. ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง สายการบิน Myanmar Airways เที่ยวบินที่ 8M 332
20.10 น. เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้ง มาทางตะวันตกเฉียงเหนือ 19 กิโลเมตร หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าตัวเมืองย่างกุ้งท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศยามค่ำาคืนของชาวย่างกุ้งยามตลอดสองข้างทางที่เดินทางเข้าตัวเมือง (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสู่ที่พัก CHARTRUIM //PARKROYAL //KANDAWGYI HOTELหรือเทียบเท่า
วันที่สอง หงสาวดี เจดีย์ไจ๊ปุ่น เจดีย์ชเวมอดอร์(พระธาตุมุเตา) วังบุเรงนอง พระธาตุอินทร์แขวน (B/L/D)
06.00 น. อรุณสวัสดิ์ยามเช้า
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ พะโค (ด้วยรถโค้ชปรับอากาศ)อยุ่ห่างจากเมืองย่างกุ้ง 80 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของสหภาพพม่ามาก่อน ตั้งอยู่ใกล้เมืองเมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศพม่า ซึ่งอยู่ทางใต้ของ เมืองแปร เมืองคัง ยะไข่ อังวะ พุกาม นครหงสาวดีเป็นเมืองหลวงของเขตหงสาวดี ๆ เป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีต ก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองได้ ในปี พ.ศ. 2082 เมืองหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง หงสาวดีหรือ พะโค มีตำนานเล่าว่า เมืองพะโคเดิมเป็นเกาะเล็ก ๆ ในอ่าวเมาะตะมะ เล็กเสียจนมีที่พอให้หงส์ร่อนลงมาพักได้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น หงส์เพศเมียหรือนางหงส์จึงต้องอาศัยเกาะอยู่บนหลังคู่ของมัน เมื่อเดินทางถึงเมืองหงสาวดีจะสังเกตุเห็นหงส์สองตัวซึ่งอาศัยอยู่บนหลังของหงส์ตัวผู้ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี จากนั้นนำท่านกราบนมัสการ เจดีย์ไจ้ปุ่น ซึ่งจะถึงก่อนเดินทางเข้าตัวเมืองหงสาวดี พระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสร้างขึ้นในปี 1467 พระเจดีย์กก่อเป็นแกนทึบรูปทรงสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง มีพระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตรประดิษฐานอยู่สี่ทิศ แทนองค์สมเด็จพระสมณโคดม (หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระอดีตพุทธเจ้าอีกสามองค์ อันได้แก่ พระโกนาคมน์ (หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้) พระกกุสันธะ (หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก) พระกัสสปะ (หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก) ซึ่งพระพุทธรูปกัสสปะนั้นชำรุดผุพังมาก เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวในปี 1930 และได้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2019 มีตำนานว่า เจดีย์ไจ้ปุ่น สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตนไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ เชื่อกันว่าหากคนใดคนหนึ่งแต่งงาน พระพุทธรูปก็จะพังลงมา จากนั้นนำท่านนมัสการ เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) โบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจกลางเมืองหงสาวดี ซึ่งได้บูรณะขึ้นโดยพระเจ้าบุเรงนอง (พระเจ้าบะยิ่นเนาน์) เพื่อบรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า เพื่อเสริมบารมี อันถือว่าเป็นพระเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า มีตำนานอยู่ว่า เมื่อนายวานิชพี่น้องนามว่ามหาศาลกับจุลศาล เดินทางกลับมาจากอินเดีย ทั้งสองได้อันเชิญพระเกศธาตุของพระพุทธองค์มาด้วยสองเส้น เมื่อกลับมาถึงบ้านเกิดจึงได้สร้างสถูปเล็ก ๆ ครอบพระเกศธาตุเอาไว้ ในศตวรรษที่ 16 พระเจ้าปะหยิ่นหน่าวโปรด ฯ ให้แกะเอามณีบนยอดพระมหามงกุฏไปทำฉัตรยอดถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พระเจ้าโบ่ต่อพญาทรงสร้างฉัตรองค์ใหม่ถวายและเสริมยอดขึ้นไปสุงถึง 90 เมตร ในศตวรรษที่ 20 ได้เกิดภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวถึงสามครั้ง ครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1930 เกิดความเสียหายอย่างมาก จนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่จากแรงกายและกำลังทรัพย์ของผู้มีจิตศรัทธาจนถึงปัจจุบันพระเจดีย์สูงถึง 114 เมตร ถ้าเดินรอบ ๆองค์เจดีย์ท่านจะได้เห็นซากเจดีย์องค์เดิมที่พังทะลายลงมาเมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และฉัตรยอดเจดีย์ จากนั้นนำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง หากพูดถึงกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งของเมืองหงสาวดีก็ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดโดดเด่นเท่า พระเจ้าบุเรงนอง หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ชื่อ กัมโพชธานี เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ ซึ่งนับเป็นพระราชวังใหญ่โตมีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วย จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงที่ เสด็จหนีพระนเรศวรไปเมืองตองอู และพวกยะไข่เผาทำลายหงสาวดีทรงทิ้งให้พระราชวังแห่งนี้รกร้างลงเป็นเวลาร่วม 3 ศตวรรษ ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกันในคราวนั้น หลังจากนั้นไม่นาน เมืองอังวะก็กลายมาเป็นเมืองหลวงของประเทศพม่าโดยสมบูรณ์ก่อนที่พม่าทั้งประเทศจะเสียเอกราชให้ประเทศอังกฤษต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ได้มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน รัฐบาลพม่าจึงได้ทำการขุดค้นและสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งบางส่วนได้สร้างแล้วเสร็จไป แต่ยังคงมีอีกบางส่วนก็กำลังรอทุนในการก่อสร้าง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารเมืองหงสาวดี
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ คิมปูนแค้มป์ (เชิงเขาไจ้เที่ยว) ระหว่างทางผ่าน สะพานแม่น้ำสะโตง ในอดีตขณะที่ สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ได้ถูกทหารพม่าไล่ตาม พม่าตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะ ที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว พระองค์ได้คอยป้องกันมิให้ข้าศึกข้ามตามมาได้ ได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบ ยิงแม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นขวัญเสีย จึงถอยทัพ กลับกรุงหงสาวดี พระแสงปืนที่ใช้ยิงแม่ทัพพม่าตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง" นับเป็นพระแสง อัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง คิมปูนแค้มป์ หยุดพักเปลี่ยนรถ เป็นรถบรรทุกหกล้อ เพื่อขึ้นบนภูเขาไจ้เที่ยว (ใช้เวลาเดินทางจากบริเวณนี้ประมาณ 45 นาที) ท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพป่าเขาน้ำตกและลำธารอันสวยงามสองข้างทาง พร้อมสัมผัสอากาศเย็นซึ่งจะค่อย ๆ เย็นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเรากำลังเดินทางสู่ที่สูง เดินทางจนเกือบถึงพระธาตุอินทร์แขวน หยุดเปลี่ยนรถจากรถบรรทุกเป็นเสลี่ยง จากจุดนี้นั่งเสลี่ยงขึ้นไปอีกประมาณ 45 นาที ผู้สูงอายุและผู้ไม่เคยเดินทางขึ้นภูเขาขอแนะนำให้ใช้บริการขึ้นเสลี่ยง ( ค่าเสลี่ยงราคาไปกลับประมาณ เงินไทยไม่เกินท่านละ 800 บาทไม่รวมค่าทิป) ( ลักษณะเสลี่ยงเป็นเก้าอี้ผ้าใบผูกกับไม้ไผ่ขนาดใหญ่ 2 ลำ หามด้วยคน 4 คน ข้างหน้า 2 ข้างหลัง 2 คน)
เดินทางถึง โรงแรมที่พัก kyaithiyo Hotel นำท่านเช็คอิน จัดการเก็บสัมภาระเข้าที่พักให้เรียบร้อย
หลังจากนั้น นำท่านขึ้น นมัสการ องค์พระธาตุอินทร์แขวน พระธาตุอินทร์แขวนนี้นับเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า พระเจดีย์ไจ้ทีโย (พระธาตุอินทร์แขวน) อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และเป็นที่มาและแรงบันดาลใจของกวีซีไรส์ ปี พุทธศักราช 2534 มาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรมเรื่อง “เจ้าจันทร์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน ท่านจะได้สัมผัสกลิ่นอายพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และบรรยากาศธรรมชาติที่สดชื่นและบริสุทธิ์ทั่วบริเวณอันกว้างขวางของลานพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งให้ท่านได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติและนมัสการขอพรจากพระธาตุอินทร์แขวนอันศักดิ์สิทธิ์
สมควรแก่เวลา นำท่านกลับสู่ ห้องอาหารของโรงแรม เพื่อรับประทานอาหารค่ำ
ค่ำ รับประทานอาหาร ค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
หลังอาหารเชิญท่านตามอัธยาศัย ท่านสามารถกลับขึ้นไปนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน ถ้าจะสักการะกลางแจ้งเป็นเวลานานบริเวณระเบียงที่ยื่นสู่พระเจดีย์ ควรเตรียมเสื้อกันหนาว หรือกันลม หรือผ้าห่ม ผ้าพันคอ เบาะรองนั่งเพราะพื้นที่นั่งมีความเย็นมากเนื่องจาก ที่นี่ สภาพอากาศจะมีลมพัดค่อนข้างแรงเนื่องจากเป็นพื้นที่สูงและโล่งโปร่ง พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับบุรุษเปิดถึงเวลา 22.00 น. เท่านั้น (กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับค้างคืน 1 คืน บนพระธาตุอินทร์แขวน)
วันที่สาม พระธาตุอินทร์แขวน พระนอนชเวตาเลียว พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจี เจดีย์ชเวดากอง การเวกโชว์ (B/L/D)
05.00 น. เชิญท่านนมัสการ เจดีย์ไจ้ทีโยหรือพระธาตุอินทร์แขวน ท่านสามารถทำบุญตักบาตรพระสงฆ์หรือถวายข้าวพระพุทธ มีชุดจำหน่ายบริเวณวัด เมื่อถวายข้าวพระพุทธนิยมจุดเทียนตามกำลังวันหรือจำนวนอายุ ท่านจะพบกับบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น ทิวทัศน์งดงาม ความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูเขา ถ่ายภาพและชมทัศนียภาพรอบ ๆ พระธาตุ พิสูจน์ความมหัศจรรย์ว่าพระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ได้ อย่างไร โดยไม่ล้มหรือหล่นลงมา การที่ก้อนหินสีทองวางหมิ่นเหม่บนหน้าผามานานนับพันปี โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านล่างขึ้นไปก็ดูคล้ายกับลอยอยู่เหนือหน้าผา ราวกับพระอินทร์นำไปแขวนไว้กลางอากาศนับเป็นอัศจรรย์เจดีย์อย่างแท้จริง
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นให้ท่านเก็บสัมภาระพร้อมออกเดินทางกลับสู่ กรุงย่างกุ้งตามเส้นทางเดิมและตลอดสองข้างทาง ท่านจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามยามเช้า วิถีการดำรงชีวิตของชาวพม่า
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารเมืองหงสาวดี
บ่าย นำท่านนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ เป็นพระนอนที่งามที่สุดในประเทศ องค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร พระพุทธไสยาสน์แห่งพะโค (เมืองหงสาวดี) องค์นี้สร้างขึ้นใน ค.ศ. 994 ตามบัญชาของพระเจ้ามินกะดีป่า ก่อนหน้าที่พวกบะหม่า(พม่า) จะเข้ามามีอำนาจเหนือพวกมอญ แต่พระองค์ก็ถูกทิ้งให้ผุพังอยุ่เกือบ 500 ปี จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสั่งให้ข้าทาสทหารได้บูรณะขึ้นใหม่ เมื่อเข้าสู่ ศตวรรษที่ 18 พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวจึงถูกทิ้งร้าง และได้ปล่อยให้ป่ารกชัฏขึ้นปกคลุมอีกครั้งจนกระทั่งปี 1881 ผู้รับเหมาสร้างทางรถไฟให้กับอังกฤษกลุ่มหนึ่งได้พบเข้าโดยบังเอิญแต่ก็คิดว่ามันเป็นแค่ กองอิฐกองหิน ต่อมาทางการจึงได้ถางป่าออกในปี 1906 แล้วใช้เหล็กปลูกโรงเรือนช่วยคุ้มแดดคุ้มฝนให้แต่ดูไม่ดีเท่าไหร่ ครั้นถึงปี 1948 จึงทำการบูรณะพระองค์ขึ้นใหม่อีกครั้ง มีการทาสีและปิดทองล่องชาดอย่างงดงาม ได้ทำการบูรณะเลยมาจนถึงปัจจุบัน ตรงทางขึ้นตลอดสองข้างให้ท่านช้อปปิ้งของฝากจากเมืองหงสาวดี อาทิ ผ้าพื้นบ้าน ไม้แกะสลัก เรือสำเภา ฯลฯ จากนั้นนำท่านเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่เมืองย่างกุ้ง นำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจี หรือ พระตาหวาน ซึ่งเป็นพระที่มีความสวยงามอีกองค์หนึ่งของพม่า มีความยาวถึง 70 เมตร แต่เก่าแก่เพียงไม่กี่สิบปีและมีขนาดใหญ่กว่า พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว มีขนตาที่งดงามและดวงตาที่สง่างาม ซึ่งได้ให้ช่างที่ฝีมือการประดิษฐ์ที่ดีที่สุดในพม่าสร้างดวงตาขึ้น พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการและพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย อย่างไรก็ดี วัดแห่งนี้จัดเป็นศูนย์กลางสำคัญในการศึกษาตำรับตำราทางพระพุทธศาสนา มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่มากถึง 600 รูป จากนั้นนำท่านนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยปี กล่าวกันว่าทองคำที่ใช้หุ้มมหาเจดีย์ชเวดากองนี่ยังมีมากกว่าในห้องนิรภัยของธนาคารประเทศอังกฤษเสียอีก ใครก้อตามที่ได้พบเห็น ก็ต้องรู้ว่าพม่านั้นมีความมั่งคั่งแฝงเร้นอยู่มากมายมหาศาล มหาเจดีย์ชเวดากองมีความสูง 100 เมตร ภายในองค์เจดีย์ประดิษฐานพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าและเครื่องบริขารของอดีตพระพุทธเจ้าอีกสามองค์เอาไว้ ส่วนด้านนอกมีการใช้แผ่นทองหุ้มเอาไว้มากถึง 8,688 แผ่น ส่วนยอดประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด ทับทิม ไพลิน และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดเขื่องอยุ่ตรงกึ่งกลาง ทั้งหมดนี้อยู่บนยอดฉัตรสูง 10 เมตร ที่มีไม้หุ้มทองเจ็ดท่อนรองรับ มีระฆังใบเล็ก ๆ ประดับอยู่ 1,485 ใบ เป็นระฆังทอง 1,065 ใบ ระฆังเงิน 420 ใบ รอบองค์เจดีย์ชเวดากองมีทั้งสถูปบริวาร วิหารทิศ วิหารราย และศาลาอำนวยการ มีพระประจำวันเกิดให้ท่านได้สรงน้ำขอพร และขอพรจากองค์เจดีย์ ณ ลานอธิฐานอดีตเคยเป็นลานอธิฐานของพระเจ้าบุเรงนองก่อนออกรบ ซึ่งท่านสามารถถ่ายภาพตรงมุมนี้จะสวยที่สุด
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารการะเวกก์ พร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์ของพม่า อันงดงาม อ่อนช้อย บนทะเลสาบหลวง ภัตตาคารแห่งนี้สร้างตามต้นแบบเรือกัญญาของราชวงศ์พม่า หัวเรือเป็นรูปนกการะเวกก์สัตว์ในเทพนิยายอินเดีย หลังคาทำเป็นทรงปราสาทซ้อนสูง ภายในตกแต่งด้วยงานลงรักปิดทองประดับกระจกสี หินอ่อน และงานฝังมุก ประดับไฟอย่างงดงาม ท่านสามารถเห็นทิวทัศน์ของพระมหาเจดีย์ชเวดากองได้งดงามน่าประทับใจอย่างยิ่ง
นำท่านสู่พักที่ โรงแรม CHARTRUIM // PARKROYAL // KANDAWGYI HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ เมืองสิเรียม เจดีย์โบดาทาวน์ เทพทันใจ สก๊อตมาร์เก็ต กรุงเทพฯ (B/L/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร ของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสิเรียม ชมความสวยงามแปลกตาของเมืองซึ่งเมืองนี้เคย เป็นเมืองท่าสำคัญของเขตย่างกุ้ง ประเทศพม่า ตั้งอยู่ปากแม่น้ำอิระวดี ในอดีตเคยเป็นที่มั่นของทหารโปรตุเกส ช่วยเหลือมอญทำสงครามกับพม่า ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ปัจจุบัน สิเรียมมีโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก และทางรถไฟสำหรับขนส่งสินค้า อยู่ห่างจากย่างกุ้ง 20 กิโลเมตร จากนั้นนำท่านนมัสการ พระเจดีย์เหย่แหล่พยา (เจดีย์กลางน้ำ) ต้องนั่งเรือพาข้ามน้ำมาจากอีกฟากหนึ่ง วัดแห่งนี้มีภาพเขียนรูปเจดีย์สำคัญๆ อยู่มากมาย มีนัต 4 ตน และพระอุปคุต ที่บริเวณท่าเทียบเรือบนเกาะสามารถซื้ออาหารเลี้ยงปลาดุกตัวใหญ่นับร้อยๆ ตัวที่ว่ายวนเวียนให้เห็นครีบหลังที่โผล่เหนือผิวน้ำ สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางกลับสู่ ย่างกุ้ง นำท่านนมัสการ เจดีย์โบดาทาวน์ (เจดีย์โปตาทอง) ซึ่งเป็นสถานที่สักสิทธิ์ ตามตำนานกล่าวไว้ เมื่อราว 2000 ปีก่อนกษัตริย์มอญมีนามว่า พระเจ้าโอกาละปะ ทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพ1000นาย ตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศธาตุที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือเมืองดากอง ณ บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบดาทาวน์นี้และทรงแบ่งเส้นพระเกศธาตุไว้1เส้น บรรจุในเจดีย์เพื่อบูชา ก่อนนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ ข้างในองค์เจดีย์ ท่านจะได้ชม สิงของสมัยโบราณ อาทิ พระพุทธรูปทองคำ เงิน ดินเผา ซึ่งจัดแสดงไว้ให้ชมภายในองค์เจดีย์ (สถานที่แห่งเดียวที่ท่านสามารถมองเห็นพระเกศธาตุด้วยสายตาของท่านเอง) นำท่านสักการะ รูปปั้นเทพทันใจ ( นัตโบโบยี ) ซึ่งชาวพม่าให้ความเคารพอย่างมากและนิยมมาขอพร ด้วยเชื่อว่าอธิฐานสิ่งใดจะสมความปรารถนาทันที มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ขอพรแล้ว สมดั่งคำอธิฐาน จึงทำให้หลายท่านต้องกลับมาสักการะท่าน หลายๆๆครั้ง
เที่ยง รับประทานอาหาร กลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านช๊อปปิ้งตลาด“สก๊อตมาร์เก็ต” (SCOTT MARKET) หรือ ตลาดโบ่ซกอ่องซาน ซึ่งสร้างโดยชาวสก๊อตสมัยเมื่อครั้งพม่ายังคงเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ภายในตลาดแห่งนี้มีสินค้าจำพวกงานหัตถกรรมของพม่าให้เลือกซื้อหามากมาย อาทิ อัญมณี แพรพรรณ งานฝีมือ งานแกะสลักไม้ เครื่องเขิน ตุ๊กตา เครื่องดนตรี โสร่ง ย่าม เครื่องหวาย และภาพหวาด สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู้ สนามบิน ย่างกุ้ง
16.30 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ Myanmar Airways เที่ยวบินที่ 8M 331
18.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการ
รักยิ้มทัวร์…รอยยิ้มแห่งการเดินทาง
![]() |
ราคา: | 17,500 | ต้องการ: | ขาย/ให้เช่า/แลก | ||
ติดต่อ: | ปารณีย์ พิศอ่อน | อีเมล์: | |||
สภาพ: | ใหม่ | จังหวัด: | กรุงเทพมหานคร | ||
โทรศัพย์: | 087-589-4554 | IP Address: | 58.8.207.216 | ||