หน้าขาวใส เปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย จุดด่างดำ ด้วย PHA กรดผลไม้ตัวล่าสุด

หน้าแรก » แฟชั่น และ เครื่องสำอาง » ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า

หน้าขาวใส เปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย จุดด่างดำ ด้วย PHA กรดผลไม้ตัวล่าสุด

แบ่งปันให้เพื่อน



ร้าน PewDee-By-Vasane' ตอบโจทย์ ทุกปัญหา ผิวพรรณ

พิเศษ ***โปรโมชั่น ส่วนลด ของแถม มากมาย*** ส่งฟรี !!! EMS จ้า...

คุณพิม 083-304-3193


http://www.pewdee-by-vasane.com


Vasane PHA Treatment Gel

วาซาเน่ พีเอชเอ ทรีทเม้นท์ เจล

เจลผลัดเซลล์ผิวสูตรอ่อนโยน

ความรู้ทั่วไป


ปัจจุบันนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า มีเครื่องสำอางหลายชนิด ที่โฆษณาว่า มีส่วนผสมของ AHA ในความเข้มข้นที่มากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไป คงจะสร้างความงุนงงให้กับผู้ที่รักความสวยงามไม่มากก็น้อยว่า AHA นี้คืออะไรกันแน่แล้ว ดีอย่างไร ผู้คนถึงให้ความสนใจมากนัก

ที่จริงแล้ว AHA เป็นคำย่อมาจากคำว่า Alpha Hydroxy Acid หรือบางคนเรียกเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า กรดผลไม้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว AHA นี้ไม่ใช่ของใหม่ เพราะผู้ที่รักสวยรักงามในสมัยก่อนเขาเริ่มรู้จักใช้กันมานานแล้ว

เราคงเคยได้ยินหรือได้รู้เกี่ยวกับการที่สาวในสมัยโบราณ เอาผลไม้บางชนิด เช่น แตงกวา แอปเปิล สตอเบอรี่ มาฝานเป็นแผ่นๆ แล้ววางบนหน้า แล้วทำให้หน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งในผลไม้เหล่านี้ มีสารบางอย่าง ที่เชื่อว่าสามารถทำให้ผิวหนังดูสดใสขึ้นได้ ซึ่งก็คือ AHA นี้เอง แต่ในบางครั้งพบว่า ในผลไม้บางอย่างอาจมีสารที่อาจจะระคายต่อผิวหนังโดยตรง หรือบางครั้งสารในผลไม้นั้นเมื่อถูกแสงแดดอาจเปลี่ยนเป็นสาร ที่ระคายต่อผิวหนังได้ ฉะนั้นในปัจจุบันจึงมีการสกัดสาร AHA มาใช้โดยตรง เพื่อความสะดวกในการใช้ และลดปัญหาเรื่องสารที่ระคายต่อผิว

AHA มีอยู่ในผลไม้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นอ้อย(Giycolic), แอปเปิล(Malic), องุ่น(Tarmaric)หรือในนมเปรี้ยว(LActic) แต่ AHA ที่มีโมเลกุลเล็กและเชื่อว่า สามารถแทรกซึมลงสู่ชั้นผิวหนังได้ง่ายที่สุดคือ Glycolic acid ซึ่ง AHA นี้จะไปมีผลลดแรงยึดเหนี่ยวของเซลล์ในชั้นบนของหนังกำพร้า ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วมีการทับถมกันของเซลล์ ให้หลุดออกไปง่ายขึ้น และขณะเดียวกันก็สามารถกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ๆ ที่แข็งแรงกว่าแทนที่ อีกทั้งยังเชื่อว่า AHA ในความเข้มข้นที่พอเหมาะ จะสามารถกระตุ้นให้สร้างสารในชั้นหนังแท้ได้ โดยรวมแล้ว ผลที่จะได้คือ ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น เนียนขึ้น ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรงมากขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ แลดูลดลง ซึ่งจริงๆ แล้วในวงการแพทย์เราใช้ AHA ในความเข้มข้นที่สูง เพื่อใช้ในการรักษาโรคทางผิวหนังบางอย่าง เช่น หูด ติ่งเนื้อ เป็นต้น

ในปัจจุบันนี้ได้มีการนำเอา AHA ในความเข้มข้นที่ต่ำๆ มาผสมในเครื่องสำอาง หลายชนิด เป็นที่นิยมใช้กันแต่ยังไงก็แล้วแต่ AHA ถึงแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องรู้จักวิธีใช้ เพราะในคนที่ผิวแห้งหรือมีผื่นผิวหนังอักเสบบางอย่าง อาจเกิดระคายต่อผิวหนังเป็นผื่นแดงคันได้ ฉะนั้น ถ้าจะให้ดี ควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย


ประเภทของกรดผลไม้ในปัจจุบัน

กรดผลไม้ (Hydroxy Acid) ได้มีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย โดยได้นำกรดผลไม้มาใช้ในการช่วยเพิ่มหรือเร่งอัตราการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าหยาบกร้าน รอยดำ ฝ้า ริ้วรอยเหี่ยวย่น หรือรอยหลุม โดยอาจจะผสมในครีม ด้วยความเข้มข้นแตกต่างกัน หรือแพทย์ผิวหนังได้นำมาใช้ในการทำ Peeling เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวพรรณมากขึ้น นอกจากจะใช้ทาเพียงอย่างเดียว

กรดผลไม้ในปัจจุบันมีหลายชนิดจำแนกในปัจจุบันได้ดังนี้
1. AHA (Alpha-hydroxy acid)

คงเคยได้ยินกันบ่อยๆ นะครับ เป็นกรดผลไม้ชนิดแรก ที่นำมาใช้ในการรักษาปัญหาผิวพรรณ โดยมีความเข้มข้นแตกต่างกันในการใช้ประโยชน์ โดยมากในเคาน์เตอร์ความงาม จะพบเห็นแพร่หลาย ในส่วนประกอบของครีมบำรุง โดยมักจะผสมในความเข้มข้น ไม่เกิน 10 % การที่จะผสมให้ความเข้นข้นสูงกว่านี้จะถือว่าเป็นยาดังนั้นจะพบได้เฉพาะในคลินิกผิวหนังเท่านั้น นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของ AHAs ยังขึ้นอยู่กับค่า pH (ความเป็นกรดด่าง) โดยถ้ายิ่ง pH ต่ำจะมีประสิทธิภาพดีกว่า pH สูงแต่ก็ระคายเคืองผิวหนังมากกว่า และไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวแพ้ง่าย
2. BHA (Beta-hydroxy acid)

เป็นกรดผลไม้อีกชนิดหนึ่ง ที่ออกมาสู่ท้องตลาด ในเวลาไม่กี่ปีมานี้ BHA เป็นสารพวก organic aromatic compound ซึ่งมี hydroxy group ที่ beta position (ขณะที่ AHA มีที่ alpha positions) ซึ่งสารตัวนี้ จะละลายในไขมันจึงซึมแทรกลงไปในรูขุมขนได้ดี ทำให้บางคนอนุมานว่าจะดีกว่า AHAs ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ต้องอยู่ที่จุดประสงค์ในการใช้แก้ปัญหา คือ AHA จะเหมาะกับการทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกหลุดลอกได้ดี หลังใช้ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยแลดูลดลงผิวหน้านุ่มขึ้น แต่ BHA จะเหมาะกับการรักษาผิวหน้าที่ลึกกว่า ใช้แก้ปัญหาการหลุดลอกของสิวอุดตัน สิวเสี้ยน และกระชับรูขุมขน เพราะ BHA สามารถลอกผิวหนังบริเวณที่มีต่อมไขมันมากได้ดีกว่า AHA โดยเฉพาะบริเวณปลายจมูก นอกจากนี้ จากการทดลอง พบว่า BHA ไม่ทำให้เกิดการสูญเสียเกราะป้องกันของผิวหนัง (Transepidermal waterloss)จึงใช้ได้ในคนที่ผิวแพ้ง่าย
3. CHA (Combined hydroxy acid)

เป็นการผสมผสานของกรดผลไม้หลายชนิดแต่ไม่นิยมเพราะเตรียมยาก
4. PHA (Poly-hydroxy acid)

จะเป็นกรดผลไม้ตัวล่าสุด โดยคาดกันว่า PHA ผลิตขึ้นเพื่อจะมาแทนที่ AHA ในอนาคต โดยมีการปรับให้มีโมเลกุลใหญ่ ทำให้ดูดซึมเข้าไปในผิวหนังลดลง จึงไม่ระคายเคืองผิว และใช้ได้กับคนที่ผิวแพ้ง่าย โดยมีแนวโน้มในการใช้ลอกผิวหนังได้โดยไม่จำเป็นต้องทำลายเกราะป้องกันผิวพรรณ ดังนั้นPHA อาจจะเป็นของใหม่ ในศตวรรษนี้ ที่จะกล่าวถึงกันมาก แต่ในปัจจุบันทั้ง AHA, BHA ก็ยังมีประโยชน์ต่อการรักษาทั้งสองตัว

5. AFA (Amino Fruit Acids)

เป็นสารใหม่ เป็นกรดผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีโครงสร้างคล้าย AHA แต่ AFA มีกลุ่มไอออนถึง 3 กลุ่ม ที่จะคอยทำลายอนุมูลอิสระ ในขณะที่ AHA มีกลุ่มไอออนเพียง 1 กลุ่ม ซึ่งหมายความว่า AFA จะสามารถทำหน้าที่ เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากกว่า นั่นแสดงว่า สารนี้จะชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ดีกว่าด้วย นอกจากนี้ โครงสร้างของ AFA จะมีหมู่กรดอะมิโนอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสารสำคัญในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

วิธีเลือกเครื่องสำอางผสมกรดผลไม้

เมื่อเลือกซื้อเครื่องสำอางประเภท AHA และ BHA ผู้บริโภคต้องทราบ 2 เรื่องนี้ เรื่องแรกคือ ความเข้มข้นของตัวกรดและเรื่องที่ 2 คือ ค่ากรดด่าง (pH) ของผลิตภัณฑ์นั้น

เครื่องสำอาง AHA ส่วนใหญ่มีความเข้มข้นของกรด AHAตั้งแต่ร้อยละ 1-15 ความเข้มข้นของ AHA ที่ต่ำที่สุดที่ทำให้ผิวลอกได้ คือร้อยละ 4 ถ้าความเข้มข้นสูงถึงร้อยละ 8-15 ผิวจะลอกมาก และอาจทำให้ผิวระคายเคือง

สำหรับค่าความเป็นกรดด่างนี้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่าความเป็นกรดด่างระหว่าง 3-5 ถ้าค่าต่ำกว่านี้ผลิตภัณฑ์จะมีฤทธิ์เป็นกรดมากและทำให้ระคายเคืองสูง ถ้าค่า pH สูง ผลิตภัณฑ์จะมีฤทธิ์เป็นด่าง ทำให้ผิวไม่ลอก คือใช้แล้วก็ไม่ได้ผลนั่นเอง ก่อนซื้อควรดูฉลาก เพื่อตรวจสอบส่วนผสม ถ้าพบว่าชื่อของ AHA เป็นส่วนผสมที่อยู่ท้ายๆ ของรายชื่อสารเคมีทั้งหมด อาจแสดงว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนั้นมีส่วนผสมของ AHA น้อยเกินไปจนไม่ออกฤทธิ์ ในทางตรงข้าม ถ้าชื่อของ AHA ปรากฏเป็นอันดับแรกของรายชื่อ ก็แสดงว่าอาจมี AHA สูงเกินไป จึงควรปลอดภัยไว้ก่อนด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อ AHA เป็นลำดับรองหรือกลางบัญชีรายชื่อ ถ้าผลิตภัณฑ์ใดมีส่วนผสมของทั้ง AHA และ BHA ก็ต้องแน่ใจว่าทั้ง 2 นี้ไม่ได้มีความเข้มข้นมาก ด้วยกันทั้งคู่ เพราะจะยิ่งเสริมฤทธิ์ทำให้ผิวระคายเคืองมาก เนื่องจากกรดผลไม้ทำให้ผิวลอก และระคายเคืองได้ง่าย จึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่มากเพราะจะยิ่งทำให้ ผิวระคายเคือง ควรเลือกซื้อกระปุกที่เล็กที่สุดมาลองใช้ดูก่อน ถ้าเป็นไปได้ลองเตรียม กระปุกสะอาดไปเองและขอแบ่งผลิตภัณฑ์มาลองใช้ดูก่อน ขั้นแรกอาจลองทาดู ที่ท้องแขนสัก 1 สัปดาห์ ถ้าผิวไม่แดงไม่ลอกจึงค่อยลองใช้กับใบหน้า

เมื่อเริ่มใช้เครื่องสำอางกลุ่มนี้ ต้องจำไว้ว่าผิวจะลอกและระคายเคืองง่ายอยู่แล้ว จึงต้องงดเว้นการใช้สบู่ที่ผสมเม็ดขัดถูใบหน้า งดการใช้ผ้าขนหนู ฟองน้ำ ใยบวบ หรือสิ่งใดๆ ก็ตามมาขัดถูใบหน้า



คุณสมบัติ:

ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายอย่างอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และบวมแดง ลดเลือนความหมองคล้ำบนผิวหน้าให้ หลุดออกไปง่ายขึ้น เผยผิวใหม่ให้เรียบเรียน กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำพร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ

จุดเด่น :

ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมแล้วให้หลุดออก เผยผิวใหม่ที่สว่าง กระจ่างใส
ปกป้องผิวจากมลภาวะ (Anti-Oxidant)
เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว
คืนความกระชับและยืดหยุ่นให้กับผิว ริ้วรอยแลดูจางลง
โอบอุ้มและรักษาความชุ่มชื้นไว้ที่ผิวทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น น่าสัมผัส
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ
คืนความเนียนเรียบเนียนให้กับผิว
คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
อ่อนโยนกับไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และบวมแดง
เหมาะสมผิวแห้ง ผิวบอบบาง ผิวมีปัญหา ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin) และผิวทั่วไป
ส่วนประกอบสำคัญ :

10 % Poly alpha hydroxyl acid :

เป็นกรดผลไม้ตัวล่าสุด โดยคาดกันว่า PHA ผลิตขึ้นเพื่อจะมาแทนที่ AHA ในอนาคต โดยมีการปรับให้มีโมเลกุลใหญ่ ทำให้ดูดซึมเข้าไปในผิวหนังลดลง จึงไม่ระคายเคืองผิว และใช้ได้กับคนที่ผิวแพ้ง่าย โดยมีแนวโน้มในการใช้ลอกผิวหนังได้โดยไม่จำเป็นต้องทำลายเกราะป้องกันผิวพรรณ




Sodium hyaluronate :

เป็น moisturizer โมเลกุลใหญ่ ที่จะสร้างฟิล์มบางๆเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว จึงสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวได้อย่างประสิทธิภาพ

D-L alpha tocopherol :

ประโยชน์ของครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E

1. ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด (Phtoprotection ) ที่ทำให้เซลล์เกิด Sunburn รอยแดงไหม้ (erythema ) chronic UVB damage
2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด ( photocarcinogenesis)
3. ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น
4. ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ

GP4G:

สารสกัดจากอานิเมีย ซัลลินา (Artemia Salina) คือ ชื่อของแพลงตอนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์

ประโยชน์ของ GP4G ในเครื่องสำอาง

ให้พลังงานแก่เซลผิว
เสริมสร้างการทำงานของเซลล์ผิว
เสริมสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ 3
เพิ่มความแข็งแรง สมดุลของเซลผิว
ปกป้องเซลผิวรังสี UV และขบวนการ Oxidation
ปกป้องและฟื้นฟูสภาพของ DNA
Marine Collagen:

คอลลาเจนจากปลาทะเลโดยปกติร่างกายของเราจะมี Collagen อยู่ภายในเพื่อช่วยคงสภาพผิว แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะสูญเสีย Collagen ไป ดังนั้นจึงใช้วิธีการเติม Collagen เข้าสู่ผิวหนัง โดยการใช้ Collagen ที่สกัดได้จากสัตว์เช่น หนังสัตว์ หรือ ปลาทะเล โดยใช้วิธีสกัดให้มีขนาดที่เล็กเพื่อช่วยในการซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังเพื่อทดแทน กับ Collagen ที่ผิวหนังสูญเสียไปทำให้ผิวดูเนียนเรียบ เปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย พร้อมบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น

วิธีใช้ :ใช้ทาทั่วใบน้าและลำคอ เช้า - ก่อนนอน ไม่ต้องล้างออก

มี 2 ขนาดนะคะคือ เล็ก 15ml 150 บาท(ใช้ได้4-5ครั้ง)
ใหญ่ 30 ml 280 บาทค่ะ


 


ราคา: 150 ต้องการ: ขาย/ให้เช่า/แลก
ติดต่อ: pimอีเมล์: 
สภาพ: ใหม่ จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โทรศัพย์: 083-304-3193IP Address: 124.122.24.44



ดูสินค้าอื่นๆ | ลงประกาศ | เลื่อนประกาศขึ้น | ลบประกาศ | แก้ไขประกาศ

[ รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน ทั่วประเทศ กู้เงินง่าย ได้เงินไว ไม่เช็คแบล็คลิส ]





ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)

รูป   รายละเอียด ราคา
  300 บาท
  800 บาท
  300 บาท
  300 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  30,000 บาท
  300 บาท
  150 บาท
  0 บาท
  2,899 บาท
  150 บาท
  750 บาท
  590 บาท
  390 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  200 บาท
  ุ200